สังคม

ชาวบ้านชนะคดีฟ้อง 9 จนท.แก้ปัญหาผลกระทบ 'แวกซ์ กาเบ็จ' ล่าช้า

โดย panwilai_c

28 มี.ค. 2567

108 views

ศาลปกครองกลาง พิพากษาให้ชาวตำบลน้ำพุ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ชนะคดีกรณีฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ รวม 9 ราย ละเลยต่อหน้าที่ หรือปฎิบัติหน้าที่ล่าช้าในการดูแล ควบคุม และแก้ปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมกรณีโรงงานแวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซนเตอร์ และศาลสั่งให้ใช้อำนาจตามกฎหมายเพิกถอนใบอนุญาต ประกอบกิจการของโรงงาน และให้สั่งโรงงานฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมภายใน 60 วัน ขณะที่ชาวบ้านคาดว่าหวัง คำพิพากษาดังกล่าว จะทำให้ภาครัฐแก้ปัญหาที่มีด้วยความเร่งด่วนมากขึ้น



ผลกระทบจากน้ำในลำห้วยน้ำพุ มีสารเคมีอันตรายปนเปื้อน ทำให้เมื่อปี 2560 ชาวตำบลน้ำพุ อำเภอเมือง ราชบุรี รวม 49 คน ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางว่า เจ้าหน้าที่รัฐ ละเลยไม่ปฎิบัติหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด หรือปฎิบัติหน้าที่ล่าช้าในการแก้ปัญหามลพิษที่เกิดจากโรงงานแวกกาเบ็จ รีไซเคิล เซนเตอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ออกใบอนุญา และเรียกค่าเสียหายด้วย



ผู้ถูกฟ้องคดี 9 ราย โดยอุตสาหกรรมจังหวัดราบุรี เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 รวมถึงนายก อบต.รางบัว / ผู้ว่าราชการจังหวัด / ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม / อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม / กรมโรง งานอุตสาหกรรม / อบต.รางบัว / จังหวัดราชบุรี / กระทรวงอุตสาหกรรม โดยบริษัท แวกซ์กาเบ็จฯ เป็นผู้ร้องสอด



วันนี้ศาลปกครองกลางนัดฟังคำพิพากษา เริ่มจากมีคำวินิจฉัยว่าผู้ฟ้องมีสิทธิ์ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ถึง 5 ละเลย หรือล่าช้าเกินควรในการแก้ปัญหา รวมถึงละเลย หรือล่าช้าในการฟื้นฟูความเสียหายของสิ่งแวดล้อม ส่วนค่าเสียหายที่ผู้ฟ้อง ฟ้องมา ศาลวินิจฉัยไม่ให้ค่าเสียหาย



จากนั้น ศาลพิพากษาให้อุตสาหกรรมจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด และอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ใช้อำนาจตามพรบ.โรงงาน สั่งให้โรงงานแวกซ์ กาเบ็จ ระงับการฝ่าฝืน และให้แก้ไขปรับปรุงตามเวลาที่กำหนด ถ้าโรงงานจงใจไม่ปฎิบัติตามคำสั่งให้ปลัดกระทรวง หรือผู้ที่ปลัดกระทรวงมอบหมาย สั่งให้โรงงานหยุดโรงงานทั้งหมด หรือบางส่วน ชั่วคราวหรือสั่งปิดโรงงานแล้วแต่กรณี



ข้อสองให้ปลัดกระทรวง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายใช้อำนาจตาม พรบ.โรงงาน สั่งปิดโรงงานตามทะเบียนโรงงานที่ระบุไว้ในคำพิพากษา ข้อสามให้นายกฯอบต.รางบัว ใช้อำนาจตาม พรบ.การสาธารณสุข เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ที่อบต.ออกให้โรงงานฯ และข้อสี่ให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมและ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ใช้อำนาจตาม พรบ.โรงงานอุตสาหกรรม ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และแก้ไขปัญหามลพิษที่เกิดจากโรงงาน



คำพิพากษาที่ 1 ถึง 3 ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่คดีสิ้นสุด คำพิพากษาที่ 4 ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่คดีสิ้นสุด โดยศาลยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ถึง 9 และคู่กรณีมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน



ทนายความฝ่ายชาวบ้านเห็นว่า สถานการณ์จริงในพื้นที่ตอนนี้ แตกต่างจากเหตุการณ์เมื่อปี 2560 ที่ฟ้องคดี เช่นตอนนี้มีการเร่งขนย้ายกากอุตสาหกรรมออกจากพื้นที่ จึงคาดหวังดว่าคำพิพากษาวันนี้จะทำให้ภาครัฐ เร่งแก้ไขและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมโดยเร็ว แม้จะเห็นว่าค่อนข้างท้าทายที่จะให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน และตลอดเวลาที่รอคอยฟื้นฟู ความเสียหายก็ทอดยาวต่อไปเรื่อยๆ



ขณะที่อุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 ระบุว่าก่อนมีคำพิพากษานี้ได้พยายามแก้ปัญหามาตลอด และจากนี้ก็จะปฎิบัติตามคำพิพากษาอย่างเคร่งครัด



สำหรับในโรงงานแวกกาเบ็จ ขณะนี้ มีการย้ายกากอุตสาหกรรมออกไปกำจัดโดยใช้งบกลาง 59 ล้านบาท มีกำหนดครบตามสัญญาจ้างในอีก 3 วันข้างหน้า โดยมีรายงานว่าขนย้ายกากอุตสาหกรรมแล้วกว่า 1 หมื่น 2 พันตัน แต่ก็พบกากขยะอุตสาหกรรมตกค้างที่อยู่บนพื้นดิน ซึ่งเป็นเป้าหมายการขนย้ายออกไปในเฟสแรกนี้หลงเหลืออีกว่า 1 หมื่น 5พันตัน โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม จะลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานตามสัญญาจ้างการย้ายกากอุตสหกรรม ในวันพรุ่งนี้

คุณอาจสนใจ

Related News