กรอ.ไม่เห็นด้วยทำลายถังสารเคมี สั่งย้ายออกจาก รง.รีไซเคิลราชบุรี ภายใน 15 วัน

กรมโรงงานอุตสาหกรรม ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการทำลายถังสารเคมีอันตราย ของโรงงานมที่เกิดเพลิงไม้ ที่ราชบุรี สั่งให้เร่งขนย้ายกากขยะที่ถูกเพลิงไหม้ใน 15 วัน

ข่าว 3 มิติ ยังเกาะติดกรณีเพลิงไหม้โรงงานรีไซเคิล ขยะสารเคมีที่อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี และยังได้พบการทำงานขณะรถแบ็คโฮทุบเจาะถังขนาด 200 ลิตร ที่บรรจุสารเคมี จนเกิดการปนเปื้อนเพิ่ม ล่าสุดทีมข่าวตรวจสอบกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้รับการยืนยันว่า สั่งให้หยุดวิธีการดังกล่าวและให้เจ้าหน้าที่กำกับอย่างใกล้ชิด พร้อมระบุเป็นขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่พยายามจะเข้าไปดับเพลิงที่คุกรุ่นในกองถังเคมี จึงอาจเกิดการทำลายถังได้ ไม่ได้จงใจเจาะถังดังกล่าว ขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งให้โรงงานย้ายถังเคมีที่ถูกเพลิงไม้ใน 15 วัน

นายสหวัฒน์ โสภา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ยืนยันทีมข่าว 3 มิติว่า ภาพการเจาะและทุบถังขนาด 200 ลิตร ที่บรรจุกากขยะสารเคมี หลังจากเกิดเพลิงไหม้โรงงานแว็กกาเบจ รีไซเคิล เซนเตอร์ ไม่ใช่การเจาะเพื่อนำถังไปขายเป็นโลหะ แต่ระบุว่าเป็นเพียงขั้นตอนการทำงานระหว่างวันที่ 23 และ 24 ที่ผ่านมา เพื่อหาทางฉีดน้ำดับเพลิงที่มีควันคุกรุ่นใต้กองถัง หลังจากก่อนหน้านั้น พื้นที่เกิดเหตุยังอยู่ในการควบคุมของฝ่ายควบคุมเหตุการณ์

การชี้แจงดังกล่าว มาจากการตั้งข้อสังเกตุของทีมข่าว และเจ้าหน้าที่บางส่วนขณะลงไปเก็บตัวอย่างน้ำเสียในโรงงานเมื่อ 24 มิถุนายนที่ผานมา และพบว่ามีรถ 3 คัน ที่ปรับพื้นที่ โดยปรากฎภาพรถแบ็คโฮเจาะถังที่มีสารเคมีจนทะลัก แล้วอีกคันจะทำหน้าที่ย้ายไปกองรวมกัน ซึ่งรองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ระบุว่า ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมแล้ว

อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตุว่าไม่ว่าวิธีการดังกล่าวจะเป็นการปรับปื้นพื้นที่เพื่อควบคุมเพลิงหรือไม่ แต่ทำให้กากขยะเคมีทะลักเพิ่มเติม ซึ่งรองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมที่ลงพื้นที่ในวันเกิดเพลิงไหม้ด้วย ได้ลงนามในหนังสือ ถึงโรงงานโดยใช้อำนาจตามมาตรา 39 วรรคสอง ของพรบ.โรงงาน 2535 สั่งหยุดโรงงานส่วนที่เกิดเพลิงไหม้ และให้นำซากวัสดุทั้งหมด จากเพลิงไหม้ น้ำที่ใช้ดับเพลิง และกากกองเสียทั้งหมดไปบำบัด หรือกำจัดภายใน 15 วัน นับจากได้รับหนังสือ ซึ่งหนังสือจะนำไปติดหน้าโรงงานในวันพรุ่งนี้ด้วย

เงื่อนไขการให้ขนย้าย 15 วันเจาะจงที่โกดัง 3 หลังที่ถูกเพลิงไหม้ ซึ่งมีถังขนาด 200 ลิตร ประมาณ 6,000 ถัง และอีก ราว 28,625 ถัง ในโกดังอื่นๆ ต้องย้ายไปกำจัดให้หมดภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม

ขณะเดียวกัน กรมฯ ส่งหนังสือถึงบริษัทเอกชน 2 ราย ให้ไปประเมินค่าใช้จ่ายในการขนย้ายกากขยะเคมีเหล่านี้ไปกำจัด เพื่อเป็นแนวทางสำรองกรณีที่โรงงานแว๊กกาเบ็จ ดำเนินการเองไม่ได้ มีแผนจะจ้างบริษัทเอกชนอื่นดำเนินการแทน โดยบริษัทแว๊กซ์กาเบจฯ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งเกิดขึ้น