บุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลางเมืองกัมพูชา พร้อมของกลาง "คัมภีร์เงินล้าน" สคริปท์ปลอมเป็น จนท.ไทยหลอกเหยื่อ

ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ PCT และตำรวจสืบสวนภูธรภาค 2 จับแก๊งคอลเซนเตอร์คนไทยในกัมพูชาได้ทั้งหมด 61 ราย

หลังจากช่วงเดือนมีนาคม พบผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกถึง 4649 คน มีถูกหลอกตั้งแต่หลักล้านต้นๆ จนไปถึงยอดมากที่สุดคือ 18 ล้าน ทำให้ตำรวจต้องเร่งทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ให้เร็วที่สุด แต่กลับพบว่าทุกคนที่ถูกจับได้ 61 ราย สมัครใจทำงานและอยากทำงานต่อในกัมพูชา มีเพียง 5 รายที่สมัครใจกลับไทย

โดยตำรวจชุดปฏิบัติการPCT 5 และตร.สืบสวนภูธรภาค 2 สนธิกำลังตำรวจกัมพูชา หาพิกัดอาคารบ่อนคาสิโน ในเมืองพระสีหนุ ซึ่งเป็นแหล่งทำงานของแก๊งคอลเซนเตอร์ จนพบว่าหลบซ่อนอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงได้โดยง่าย เมื่อไปถึงพบแต่ละคนกำลังแบ่งหน้าที่กันทำงานหาเหยื่อหน้าคอมพิวเตอร์อย่างใจจดจ่อ ทำให้ตำรวจเห็นว่ายังมีมิจฉาชีพคนไทยทำงานแก๊งคอลเซนเตอร์จำนวนมาก

ทันทีที่ตำรวจไทยไปถึงได้พูดให้มิจฉาชีพสำนึกผิด เลิกอาชีพเป็นแก๊งค์คอลเซนเตอร์หลอกคนไทยด้วยกัน แต่ปรากฎว่าไม่มีมิจฉาชีพอยากกลับประเทศไทย ทุกคนอยากทำงานแก๊งคอลเซนเตอร์ต่อ มีเพียง 5 คนที่สมัครใจกลับ

ขณะที่พื้นที่อีกแห่ง เป็นโรงงานร้าง สภาพมีรั้วสูง กั้นด้วยลวดหนามไม่ต่างจากเรือนจำ ภายในมีคนไทย 26 คน คนจีน 2 คน กำลังโทรศัพท์หลอกเหยื่ออยู่ว่าส่งพัสดุผิดกฎหมาย และถูกหมายจับคดีฟอกเงิน โดยแก๊งคอลเซนเตอร์กลุ่มนี้มีรูปโปรไฟล์เป็นพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตรและอ้างเป็นตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยพบอุปกรณ์วิทยุสื่อสารที่ทำให้เหยื่อเข้าใจผิดว่าเป็นสถานีตำรวจ และห้องที่อ้างเป็นผู้กำกับและสารวัตร

คัมภีร์เงินล้าน ที่แก๊งมิจฉาชีพต้องอ่านตามสคริป เป็นบทพูดคุยกับเหยื่อ แนะนำตัวเป็นตำรวจ โรงพักที่สังกัด และชื่อที่ผู้เสียหายถูกหลอกว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่าย นายสมศักดิ์ ศักดิ์ลี ชื่อนี้ปรากฎอยู่ในบทสคริปต์ ตำรารวยด้วย

สาเหตุที่แก๊งคอลเซนเตอร์ขยันโทรมาหลอกคนไทยด้วยกัน นั่นเพราะหลอกได้เงินมากก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นมาก 61คนนี้จึงไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็นผู้ต้องหาโทษหนัก ทั้งแสดงเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

ตำรวจยังติดตามจับ นายปอ หนวดงาม แต่ได้หลบหนีออกจากที่กบดานไปก่อนหน้านี้ แต่ได้ผู้ต้องหารายสำคัญเป็นชาวจีนกำลังสั่งการ 2 คน