กองปราบยึดรถ 50 คัน จอดซุ่มในป่า เตรียมสวมทะเบียนส่งขายเพื่อนบ้าน แต่โควิดทำชะงัก

ขบวนการโจรกรรมรถยนต์ ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ช่วงนี้ต้องหยุดชะงักเนื่องจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ทำให้การลักลอบส่งออกยาก รถที่โจรกรรมมาแล้วจึงถูกนำไปซ่อนเพื่อรอเปิดชายแดน

วันนี้ ตำรวจกองปราบปรามได้ตรวจสอบพบรถยนต์ต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ในป่าละเมาะ ที่จังหวัดมหาสารคาม ประมาณ 50 คัน ขณะที่เจ้าของอู่อ้างว่า รถทั้งหมดไม่ได้ซ่อนไว้เพื่อส่งออก แต่เป็นรถที่หลุดจำนำ และเตรียมนำมาชำแหละเพื่อสวมทะเบียนขายในตลาดมืด 

รถยนต์จำนวนไม่ต่ำกว่า 50 คัน ถูกซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่ป่าละเมาะ หลบสายตาผู้คน ในมหาสารคาม และขอนแก่น บางคันยังใหม่ แต่บางคันนำไปจอดหลบซ่อนไว้ในป่าจนฝุ่นเกาะหนา เพื่อรอการลักลอบส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ชะงักเพราะเกิดการระบาดของเชื้อโรค

โดยรถทั้ง 50 คัน เจ้าหน้าที่พบว่า ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นรถที่โจรกรรมมา ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร หรือตัวเลขคัทซีของรถแต่ละคัน และบางคันเป็นรถที่หลุดจำนำ โดยอู่จะนำไปสวมทะเบียน สวมซากรถ ขายในประเทศ

พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 กองบังคับการปราบปราม ระบุว่า ได้เข้าตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัย เป็นอู่รถ 3 แห่ง ในจังหวัดมหาสารคามและขอนแก่น ก็ต้องแปลกใจเมื่อรถไม่ได้จอดที่อู่ แต่กลับไปจอดหลบตามป่าละเมาะ ซึ่งเชื่อว่ารถยนต์ไม่ต่ำกว่า 50 คัน น่าจะเตรียมลักลอบส่งออกไปนอกประเทศ อาจจะลักลอบส่งลงแพข้ามแม่น้ำโขง หรืออาจสวมทะเบียนซากรถที่เกิดอุบัติเหตุ ขับออกไปจากด่านชายแดนตามปกติ 

ขณะที่ตำรวจได้ยึดรถยนต์ไปตรวจสอบที่มา และสาเหตุใดถึงไปจอดซุ่มในป่าละเมาะ อย่างผิดสังเกต จึงได้ขยายผลอู่ที่เชื่อมโยงกันอีกแห่ง ที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น โดยเข้าตรวจค้นร้านจำหน่ายรถมือสองรับซื้อซากรถยนต์ มีนายพรชัย รับเป็นเจ้าของ หลังจากได้จับกุมกลุ่มรับจำนำรถ ภายในเขตพื้นที่ จ.มหาสารคาม กระทั่งสืบทราบว่ามีการนำซากรถมาสวมทะเบียนขาย 

จากการตรวจสอบสามารถตรวจยึดรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียนกรุงเทพ ฟอร์ดเรนเจอร์ ทะเบียนนครราชสีมา รถกระบะอีซูซุ ทะเบียน นครราชสีมา และอุดรธานี พร้อมได้ตรวจยึดชิ้นส่วนรถยนต์มากกว่า 1,000 รายการ ไว้ตรวจสอบว่าเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ ที่ได้มาจากการกระทำผิดหรือไม่ 

ขณะที่ขบวนการดาวน์รถจักรยานยนต์ ส่งขายประเทศกัมพูชา ตำรวจยังติดตามต่อเนื่อง เพราะยังเปิดเพจ ชักชวนให้ผู้เดือดร้อนทางการเงินไปดาวน์รถจักรยานยนต์ และทางเพจจะซื้อต่อทันที ซึ่งได้มีการส่งออกไปไม่ต่ำกว่า 300 คันแล้ว ตำรวจจึงได้ไปจับเจ้าของเพจ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้บางเพจแล้ว