แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังคงออกหาเหยื่ออย่างต่อเนื่อง แต่ปรับเปลี่ยนให้แนบเนียนขึ้น โดยการตัดต่อคลิปหน้าเป็นตำรวจ แอบอ้างเบอร์โทรศัพท์ และรูปโปรไฟล์ของไลน์ เป็นเบอร์ และรูปสถานีตำรวจ เพิ่มความเกรงกลัวให้เหยื่อหลงเชื่อยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อข่มขู่ผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน พร้อมให้โอนเงินไปตรวจสอบ ทำให้เหยื่อเกิดความหวาดกลัว และยอมโอนเงินกันเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเสียงที่โทรศัพท์อ้างว่าเป็นตำรวจ ก็ยังเป็นเสียงเดิมที่เคยข่มขู่เหยือเมื่อเดือนที่แล้ว ไปติดตามรายงานจากคุณสุมนา แจวเจริญวงศ์

ตามรายงานข่าวปัจจุบันเสียงของมิจฉาชีพที่อ้างเป็นสารวัตร อยู่สภ.เมืองเชียงใหม่ โทรข่มขู่ผู้เสียหายให้โอนเงิน ยังคงเป็นเสียงเดิมที่ใช้ช่มชู่เหยือเมื่อเดือนที่แล้ว

หญิงสาวรายนี้ เปิดเผยว่าเธอได้รับโทรศัพท์จาก บริษัทขนส่งพัสดุว่าพบการส่งพัสดุผิดกฎหมายในชื่อของเธอ และแนะนำให้ไปแจ้งความ โดยโอนสายไปให้ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ หลังจากนั้นมิจฉาชีพที่อ้างเป็นสารวัตรแสร้งหวังดีให้แจ้งความทางออนไลน์ได้ พร้อมข่มขู่ให้เหยื่อกลัว ปล่อยคลิปเสียง มิจฉาชีพกับผู้เสียหาย

เมื่อฟังครั้งแรกรู้สึกกลัวเพราะเชื่อว่าเป็นตำรวจจริง แต่เมื่อขอร้องให้เปิดวิดีโอคอล มิจฉาชีพก็กดโทรศัพท์ทิ้งทันที

ขณะนี้แก๊งคอลเซนเตอร์แอบอ้างเป็นตำรวจมีความแนบเนียนขึ้น โดยอ้างชื่อทั้งโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมล่าสุดตัดต่อใบหน้าส่งให้ผู้เสียหาย ระหว่างโทรไลน์ไปข่มขู่ให้โอนเงินมาตรวจสอบ

ขณะที่รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถูกตัดต่อภาพไปแอบอ้าง ให้ข้อมูลว่า แก๊งคอลเซนเตอร์สามารถตั้งเบอร์โทรศัพท์เป็นหน่วยงานราชการต่างๆได้ และขณะนี้ฉวยโอกาสหลอกเหยื่อให้แจ้งความทางไลน์ โดยใช้โปรไฟล์เป็นรูปโรงพัก ที่ผ่านมาหากตำรวจสังสัยว่าผู้ใดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความผิดฐานฟอกเงิน เจ้าหน้าที่จะใช้วิธีตรวจสอบเส้นทางการเงินจากบัญชี จะไม่มีหน่วยงานใดใช้วิธีการโทรศัพท์ไปข่มขู่ให้โอนเงินมาตรวจสอบ

สุดท้ายตำรวจออกปากเตือนว่าขณะนี้แก๊งคอลเซนเตอร์หลอกลวงทางออนไลน์หลายรูปแบบ ขอให้ตรวจสอบ กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 หรือ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง