ตร.หึงโหด บุกทำร้ายเมียน้อยกระทืบปางตาย หลังพยายามบอกเลิก เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว

สังคม

ตร.หึงโหด บุกทำร้ายเมียน้อยกระทืบปางตาย หลังพยายามบอกเลิก เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว

โดย sujira_s

31 ต.ค. 2564

13K views

ตำรวจหึงโหด บุกพังประตูที่ทำงานของกิ๊กสาว กระทืบปางตาย ร้องขอชีวิตก็งไม่หยุด ดิ้นรนเฮือกสุดท้าย คว้ามีดจี้คอ ขู่ฆ่าตัวเอง จนฝ่ายชายยอมปล่อย ก่อนหนีไปหลบตายบ้านเพื่อน


มื่อเวลา 01.30 น. วานนี้ (30 ต.ค.) ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน บุกเข้าไปในบ้านและพังประตู เข้าไปทำร้ายร่างกายคนภายในบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในปั๊มน้ำมันเชลล์ ริมถนนสายเอเชีย 41 ขาขึ้นกรุงเทพฯ ม.1 ต.ขุนกระทิง อ.เมือง


โดยในที่เกิดเหตุ เป็นลักษณะร้านอาหาร เป็นที่พักอาศัยและเป็นบริษัท ในที่เดียวกัน ตั้งอยู่นอกรั้วกำแพงของปั๊มน้ำมัน โดยทางปั๊มได้เปิดรั้วกำแพงไว้ 1 ช่อง ให้เข้าออกได้ พบนายธนะโรจน์ จันทรโชติวิสิฐ อายุ 58 ปี พร้อมด้วยนางสาวพิมนภัทร์ พรอริยวัฒนกิจ อายุ 31 ปี ลูกสาว และนายพัสกร ขุนนุช อายุ 28 ปี ลูกเขย รอให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ นางสาวพิมนภัทร์ ให้การว่า ก่อเกิดเหตุ ตนเองพร้อมแฟน และนางสาวศุภจิตรา ใจดี อายุ 39 ปี นั่งเรียงพืชใบกระท่อมเป็นมัดบรรจุลงกล่อง เพื่อเตรียมส่งให้ลูกค้า โดยพ่อได้จัดกับข้าวอยู่ใกล้ๆ จนเสร็จ พอก็ได้เรียกให้มากินข้าวกัน โดยนางสาวศุภจิตรา ลุกขึ้นไปกินก่อน ส่วนตนเองกับแฟน ยังนั่งจัดเรียงพืชใบกระท่อมต่อ


ขณะที่กำลังจัดเรียงพืชใบกระท่อมอยู่ โดยตนนั่งหันหลังให้กับประตู ซึ่งเป็นกระจก ส่วนแฟน หันหน้าไปทางกระจก จนกระทั่งไม่นาน ก็มีชายฉกรรจ์ สวมเสื้อสีน้ำเงินกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน สะพายกระเป๋าหนัง เดินมาเคาะที่กระจก พร้อมตะโกนให้เปิดประตู ก่อนที่ชายดังกล่าว ได้ชักอาวุธปืนออกมาจากเอว ตนเองพร้อมแฟน ตกใจกลัว ต่างกระโดดวิ่งหนีไปที่พ่อซึ่งกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับนางสาวศุภจิตรา


ในขณะพ่อเองก็ได้ยิน ก็ได้ลุกขึ้นมาพร้อมบอกว่า ไม่ต้องใช้ปืน คุยกันดีๆก่อน แต่ไม่ทันได้คุยอะไร ชายคนดังกล่าว เดินผละออกไปประตูหน้าบ้าน ซึ่งตนเองตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก จนลืมไปว่าประตูหลังบ้านไม่ได้ล็อกกุญแจ ซึ่งก็ช้าไปแล้ว ชายคนดังกล่าวได้เดินมาหลังบ้าน ก่อนตะโกน แล้วเปิดประตูเข้ามา ก่อนจะพังประตูห้อง ซึ่งตนเองในตอนนั้น ตนเองกับแฟน เห็นท่าไม่ดี ต่างวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทางเพื่อจะไปขอให้คนที่ปั๊มน้ำมันช่วยโทรแจ้งตำรวจ


ด้านนายธนะโรจน์ กล่าวว่า ชายคนดังกล่าวเป็นตำรวจ ชื่อที่เรียกกันคือจ่าเชิด เป็นคนขับรถให้กับอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จว.ชุมพร คนหนึ่ง เคยมาที่นี่และ เคยมาทะเลาะกับนางสาวศุภจิตรา หลายครั้งแล้ว ซึ่งตอนเกิดเหตุตนเองก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ เพราะจ่าเชิด ได้ถือปืนขู่ไม่ให้ยุ่ง ซึ่งตนก็โดน จ่าเชิด ตบด้วยอาวุธปืน หลายที เข้าที่ใบหน้า ส่วน จ่าเชิด ก็หันไปทุบตี นางสาวศุภจิตรา จนบอบช้ำ ตนเองทนดูไม่ไหว ต้องเดินหนีออกมาจากบ้าน มารวมตัวอยู่กับลูก ก่อนจะกลับมาในบ้านอีกครั้ง หลัง จ่าเชิด ออกมาจากบ้านแล้วเดินขึ้นรถกลับไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และก็พบว่าพังประตู เตียงนอน และข้าวของเครื่องใช้ภายห้องเสียหายหลายอย่าง ส่วนนางสาวศุภจิตรา ก็ไม่ทราบหายไปไหน ทุกคนช่วยกันตามหา แต่ก็ด้วยความมืด หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ


นายธนะโรจน์ กล่าวต่อว่า นางสาวศุภจิตรา นั้นเป็นหุ้นส่วนของบริษัทตนเอง ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสารอาหารสำหรับพืช จำหน่ายกล้าต้นกระท่อม ใบพืชกระท่อมและตอนนี้ต่อยอดแปรรูปพืชใบกระท่อมอยู่ ซึ่งตนเอง


ลูกสาว ลูกเขยและนางสาวศุภจิตรา จะทำงานจนดึกดื่นทุกคืน ซึ่งคาดว่า จ่าเชิด อาจจะเกิดความหึงหวง จนก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งตนเองยอมรับว่า สังคมวันนี้อยู่ยาก ขนาดตำรวจยังก่อเหตุ ในลักษณะนี้ได้ โดยขาดสติ แล้วชาวบ้าน จะอยู่เป็นสุขได้อย่างไร เรื่องนี้ตนเองก็ จะแจ้งความบุกรุกเคหสถานในยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย พกพาอาวุธปืนมาในที่สาธารณะ และข่มขู่ โดยยืนยันจะสู้ให้ถึงที่สุด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนกระทั่ง เวลา 10.00 น. วานนี้ (30 ต.ค.) ทาง นางสาวพิมนภัทร์ ได้แจ้งมาว่า ขณะนี้ได้พบตัว นางสาวศุภจิตรา แล้ว โดยหนีตายมาหลบซ่อนตัวอยู่บ้านชาวบ้านแห่งหนึ่ง ห่างจากที่เกิดเหตุ เกือบ 1 กิโลเมตร จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบอยู่ในสภาพใบหน้าบวมแดง ตาข้างซ้ายช้ำเขียวบวมจนตาปิด แขนและขา เขียว ช้ำ เป็นจุดแทบทั้งตัว โดยนางสาวศุภจิตรา กล่าวว่า ตนเองกับจ่าเชิดคบหากันมานานกว่า 8 ปี โดยตนเองอยู่ในสถานะเมียน้อย ได้เช่าบ้านอยู่บริเวณสี่แยกปฐมพร จ่าเชิดจะแวะมาหาเป็นประจำ


แต่ระยะหลังๆ จ่าเชิด มักจะทำร้ายตนเองบ่อย และหนักขึ้น จนตนเองทนไม่ไหว บอกขอเลิก เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่ จ่าเชิด ไม่ยอมเลิก แม้ตนเองพยายามหนี ไม่ปะทะ มากว่า 4 เดือน จนล่าสุดก่อนเกิดเหตุ ก็ยังถูก จ่าเชิด ทำร้าย จับมัดมือ มัดเท้า ปิดปาก มาแล้ว และล่าสุดเมื่อกลางคืนที่ผ่านมา ตนเอง ถูกชก ตบ ตี กระทืบ ปางตาย แม้ร้องขอชีวิต แต่ จ่าเชิด ก็ยังไม่หยุด ตนเอง พยายามดิ้นรนหนี จนมาถึงในครัว ฉวยมีดได้ ตนเองก็เอามาจ่อที่คอ และขู่ว่า หากไม่หยุด ตนเองก็ขอแทงตัวตาย จ่าเชิด เลย ยอมปล่อย ตนเองเลย วิ่งออกจากบ้าน หนีตาย มาอาศัยบ้านของชาวบ้าน ที่เห็นสภาพตนแล้วทนช่วยไม่ได้ เลยให้หลบซ่อนตัว จนกระทั่งเช้า ก็ติดต่อไปที่ นายธนะโรจน์ เพื่อให้ช่วยพาไปโรงพยาบาลรักษาบาดแผล และจะเข้าแจ้งความ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ดำเนินคดีกับ จ่าเชิด ให้ถึงที่สุด


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/DCcv4mxhb9E


คุณอาจสนใจ

Related News