หลังจากที่ ผกก.โจ้ได้เข้ามอบตัวที่ สภ.แสนสุข โดยทราบว่ามีรถเก๋งขับมาส่งแล้วก็ขับออกไปโดยเจ้าหน้าที่ไม่ทราบทะเบียน ซึ่งนักข่าวได้ลงตรวจสอบพื้นที่บริเวณหน้าโรงพักแสนสุข รวมถึงถนนเส้นบางแสนสาย 2 ที่มุ่งหน้า สภ.แสนสุข นั้นเป็นถนนที่ไม่มีบ้านหรือร้านค้าจึงไม่พบว่ามีกล้องวงจรปิดจนถึงทางเข้าโรงพัก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ลุง-ป้า ที่ 'ผกก.โจ้' ไหว้-กอด แฉนิสัยแท้จริงหลังกล้อง ต่างกันราวกับเป็นคนละคน

จากการตรวจสอบพบว่ามีบ้านที่อยู่ใกล้มีกล้องวงจรปิดจึงขอดูภาพพบว่าช่วงเวลาประมาณ 16.07 น.ได้มีรถเก๋งสีขาวปริศนาขับเข้ามาที่ สภ.แสนสุข หลังจากนั้นช่วงเวลา16.10 น.ได้มีขบวนรถขับเข้ามาที่ สภ.จำนวน 4 คัน ซึ่งคาดว่าเป็นขบวนรถที่มารับตัว ผกก.โจ้

หลังจากนั้นช่วงเวลา 16.11 น. ขบวนรถทั้ง 4 คัน ก็ขับออกจาก สภ.แสนสุขไป โดยพยายามตรวจดูจากกล้องวงจรปิดก่อนหน้าตั้งแต่เวลา 15.00 น.และหลังเวลา 16.30 น. หลังขบวนรถขับออก สภ.แสนสุข ไป ก็ไม่พบว่ามีรถเข้าออก

ด้าน พลตำรวจตรี เอกรักษ์ เผยถึงรายละเอียดการไปรับตัวอดีตผู้กำกับโจ้ รองเอกรักษ์ บอกว่า คืนวันที่ 25 สิงหาคม โจ้มีหมายจับแล้ว แต่ไม่มีใครติดต่อได้ 5 ทุ่ม ตอนที่โจ้โทรมาใช้เบอร์มือถือของใครไม่ทราบ แล้วบอกว่า "พี่เอก ผมเอง โจ้ ตอนนี้ผมยื่นอยู่ที่ระเบียงชั้น 13 และกำลังจะกระโดดลงไป ผมเครียดไม่ไหวแล้ว"

จากนั้นรองเอกรักษ์ ก็พยายามเจรจาบอกว่า ถ้ากระโดดลงไปเอ็งตาย แต่ครอบครัวพ่อแม่ญาติพี่น้องจะโดนประณามไปตลอดชีวิต ลูกน้องต้องไปรับกรรมแทน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีก สุดท้ายเขายอมมอบตัว แต่ก่อนจะวางสายได้พูดคุยกันพักใหญ่ โดยโจ้ได้ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก และยอมรับว่าหลังรู้ว่าคลิปวงจรปิดหลุดออกไปแล้ว เขาโยนโทรศัพท์มือถือที่ใช้ประจำทิ้งทันทีแล้วหนีมาที่ชลบุรีทันที

นาทีที่มามอบตัว หลังจากเจอหน้ากันแล้วขึ้นมาบนรถตู้ โจ้ขอโทษและร้องไห้นานนับชั่วโมง พูดเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด และปัญหาภายในองค์กรด้วย

จากนั้นก็เข้าให้ปากคำกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามที่ปรากฎในข่าว ซึ่งภายในห้องสอบสวนเมื่อคืนนี้ รองเอกรักษ์ บอกว่า โจ้เล่าทุกอย่าง และยอมรับว่าพลาดเอง ซึ่งในวงการตำรวจนักสืบเป็นที่รู้กันดีว่า "หมาล่าเนื้อพลาดก็ตาย" เมื่อโจ้พลาดก็ต้องยอมรับ การที่โจ้ตัดสินใจมอบตัวกับรองเอกรักษ์ ทำให้เกิดคำถามว่า สนิทกันหรือไม่ รองเอกรักษ์ บอกว่า ไม่ได้สนิทกัน แต่รู้จักกันตอนที่โจ้มารับตำแหน่งเป็นรองผู้กำกับสอบสวนอยู่ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก และมักจะเข้ามาทำงานให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 บ่อยครั้ง

ส่วนเรื่องความร่ำรวยของโจ้ที่สังคมตั้งข้อสงสัย รองเอกรักษ์ บอกว่า การที่โจ้ได้เงินรางวัลนำจับหลักหลายร้อยล้านบาทจากการจับรถหนีภาษี เพราะอยู่ในชุดปฏิบัติการพิเศษที่ตั้งขึ้นเมื่อปี 2554 ซึ่งการทำงานนั้นในระเบียบของกรมศุลกากรระบุว่า มีรางวัลนำจับถึง 40 เปอร์เซนต์ จึงถือว่าเป็นเงินที่ได้มาอย่างถูกต้องจากกรมศุลกากร

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/86KZE0Sda_8