สังคม

ยังไม่จบ! อากู๋ทิ้งบ้านร้างกว่า 30 ปี เจอเพื่อนบ้านยึด-รีโนเวทใหม่ ล่าสุดเจอฟ้องแพ่ง อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครอง

โดย petchpawee_k

10 ก.พ. 2567

367 views

ยังไม่จบ! อากู๋ซื้อซื้อบ้านปล่อยบ้านร้างกว่า 30 ปี ก่อนยกให้หลานสร้างเรือนหอ พบเพื่อนบ้านเข้ายึด-รีโนเวทเป็นออฟฟิศ ล่าสุดคู่กรณีฟ้องแพ่ง อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ แถมเปิดร้านอาหาร ติดป้ายประกาศมีสิทธิ์ชัด ใครยุ่งถือเป็นการบุกรุก

จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ก.ย.66 น.ส.อาย และครอบครัวเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับทางช่อง 3 หลังเข้าไปบ้านในซอยรามอินทรา 58 ที่อากู๋ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2534 ให้เป็นของขวัญแต่งงาน ซึ่ง น.ส.อาย ได้เข้าดูบ้านเพื่อรีโนเวทเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2566 แต่ปรากฏว่าเพื่อนบ้านได้บุกรุกเข้าไปต่อเติม ส่วนหนึ่งสร้างเป็นสำนักงานและยึดบ้านเป็นของตัวเองโดยอ้างว่าอยากซื้อบ้านหลังนี้มานาน แต่ไม่สามารถติดต่อเจ้าของบ้านได้ ซึ่งเรื่องนี้มีการเจรจากันและคู่กรณียอมถอยและจะยอมย้ายออกให้


ล่าสุดเมื่อวานนี้ (9 ก.พ.67) เรื่องนี้ กลับมาเป็นกระแสอีกครั้งหลังจาก น.ส.อาย กลับเข้าไปดูบ้าน แต่ปรากฏว่า คู่กรณีเซ็ตเดิมได้มายึดบ้านอีกรอบและเปิดเป็นร้านขายอาหารมีป้ายไวนิลติดประกาศอย่างชัดเจนว่าขาย “ไก่ตะเกียบทอดน้ำปลา อร่อยจริง ต้องลอง ขีดละ 40 บาท , 3 ขีด 100 บาท”


นอกจากนี้ ตรงประตูคู่กรณีติดป้ายบอกว่า “ บ้านเลขที่นี้…. หลังนี้ ข้าพเจ้าได้กรรมสิทธิ์ โดยการครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมาย บุคคลใด เข้ามากระทำการใดๆ ในบ้าน และที่ดินและบ้านหลังนี้ ถือว่ามีความผิดฐานบุกรุก จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน


ทีมข่าวได้คุยกับ น.ส.อาย เมื่อวันที่ 8 ก.พ.67 ที่ผ่านมา ตนเพิ่งมาทราบว่าถูกเพื่อนบ้านคนเดิม มายึดบ้านอีกครั้ง และทำเป็นร้านอาหาร ซึ่งได้เข้าไปดูในบ้านเห็นมีคนอยู่ 2 คน กำลังนั่งขายของในบ้าน ซึ่งบ้านหลังนี้ไว้ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.2566 แล้ว ไม่สามารถเข้าได้อย่างแน่นอน จึงมองว่าน่าจะเป็นการงัดบ้านเข้ามา ตนจึงไปแจ้งความแล้วที่ สน.โคกคราม


นอกจากนี้ ตนได้ทราบมาว่า คู่กรณีมีการฟ้องร้องคดีแพ่งต่อตนและครอบครัวตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย.66 ที่ผ่านมา ในเรื่องการครอบครองปรปักษ์  แต่ทนายความของตนได้ยื่นคัดค้านต่อศาลไปในวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว พร้อมฟ้องขับไล่คู่กรณีแต่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน


ขณะเดียวกันตนได้คุยกับคู่กรณี แต่คู่กรณีปัดให้พูดคุยกับทนาย ซึ่งทนายความก็พูดในลักษณะที่ว่าลูกความของตัวเองไม่ได้ยินยอมที่จะย้ายออกแต่อย่างใด แต่โดนนักข่าวกดดันจึงออกมา  ดังนั้น ตนจึงมองว่าการกระทำดังกล่าวของอีกฝ่ายคืออยากได้บ้านของเราและมีเจตนาไม่บริสุทธิ์


น.ส.อาย กล่าวว่า ไม่ได้กังวลเพราะมีหลักฐานชัดเจนมากพอ   ส่วนเรื่องปรปักษ์ ยืนยันอีกว่า มีหลักฐานว่าอีกฝ่ายเข้ามาครอบครองและอยู่ไม่ถึง 10 ปี และไม่ได้อยู่อาศัยแค่เอาของมาวางไว้เท่านั้น  แต่อีกฝ่ายก็ยืนยันเช่นกันว่าครอบครองและอยู่มาแล้ว 13 ปี


ก่อนจะเล่าย้อนว่า เมื่อปี 2555 ตาม Google Earth บ้านนี้ก็ยังเป็นบ้านร้าง สภาพเดิม และมีของก่อสร้างอยู่หน้าบ้าน  อีกอย่างให้มีหลักฐานยืนยันว่าคู่กรณีเข้าไปอยู่ภายในบ้าน ขณะเดียวกันอีกฝ่ายพี่กาญยืนยันว่ามีการเข้ามาอยู่ตั้งแต่ปี 60 จนถึงขณะนี้ก็หมายความว่ายังไม่ถึง 10 ปีอยู่แล้ว


น.ส.อาย ยังกล่าวอีกว่า หากในอนาคต ศาลตัดสินว่าคู่กรณีชนะ มองว่าฝั่งคู่กรณีอาจไม่หยุดเพียงแค่นี้ ส่วนตัวจะเป็นกังวลอีกด้วยว่าจะเกิดเป็นบรรทัดฐานใหม่คือมีคนยึดบ้านร้างและอ้างว่าเป็นการครอบครองปรปักษ์


ช่วงท้าย น.ส.อาย กล่าวว่า อีกประเด็นที่เป็นกังวลคือกังวลเรื่องความปลอดภัยเพราะคู่กรณีมายึดบ้าน และกล้าทำถึงขนาดนี้  แม้ว่าจะยังไม่มีการข่มขู่แต่ก็กลัวเรื่องความปลอดภัยอยู่ดี ขนาดเราเป็นเข้าของบ้านเรายังไม่สามารถเข้าบ้านได้เลย

ขณะที่นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกอัยการสูงสุด ให้ข้อมูลกฎหมาย “การครอบครองปรปักษ์ที่ดินของคนอื่น” ระบุว่า เรื่องนี้ต้องใช้หลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1382 ที่บัญญัติไว้ว่าบุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยสุจริต โดยความสงบและโดย เปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี แต่ถ้าเป็น สังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปีบุคคลนั้นได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์


ส่วนหลักเกณฑ์ที่ได้มาซึ่งการครอบครองมีหลักเกณฑ์ คือ

1.บุคคลที่ได้กรรมสิทธิ์ของคนอื่นต้องครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น

2.ต้องครอบครองโดยเปิดเผย ลักษณะทำประโยชน์ในที่ดินคนอื่น เช่น เมื่อยึดที่แล้วต้องเข้าไปทำกิน ไปปลูกต้นไม้โดยเปิดเผย หรือมีการปลูกบ้านไว้ และหากมีการพิสูจน์เรื่องระยะเวลาที่มีการโต้แย้งกัน เรื่องของการจ่ายค่าน้ำและค่าไฟก็เป็นอีกอย่างที่อยู่ในการพิสูจน์ได้ด้วย ทั้งนี้ สำหรับการการครอบครองต้องเป็นการครอบครองโดยเจตนายึดถือด้วย

3.การครองครอบที่ดินต้องเป็นที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ หรือมีโฉนด  ซึ่งจะเป็น น.ส.3 หรือ ส.ป.ก.ไม่ได้

4.การครอบครองต้องต่อเนื่องเท่านั้น และหากมีการขายที่ดินไประหว่างที่มีการครอบครองเกือบครบ 10 ปี  เช่น อาจจะถึงปีที่ 8 แล้ว ปรากฏว่าที่ดินถูกขายให้บุคคลอื่น หมายความว่าไม่ระยะเวลาสิ้นสุดนับตั้งแต่วันซื้อและขายไปแล้ว ผู้ครอบครองปรปักษ์จะไม่สามารถอ้างเรื่องเวลากับเจ้าของใหม่ได้


https://youtu.be/bfQyhqcISqI

คุณอาจสนใจ

Related News