สังคม

เจ้าของตัวจริง บุกทวงบ้านคืน ขนข้าวของที่นอนเข้าอยู่ทันที ลั่นขายบ้านแน่ แต่ไม่ขายให้คู่กรณี

โดย nattachat_c

14 ก.พ. 2567

36 views

จากกรณีเพื่อนบ้านยึดบ้านในซอยรามอินทรา 58 ซึ่งเป็นบ้านที่อากู๋ ซื้อไว้เมื่อปี 2534 หรือกว่า 32 ปีแต่ไม่ได้เข้าไปอยู่ กระทั่งปี 2566 อากู๋ได้ยกบ้านหลังนี้เป็นของขวัญแต่งงานให้กับหลาน ทางคุณอาย หลานสะใภ้ จึงได้เข้าไปดูบ้านเพื่อจะรีโนเวท แต่ปรากฏว่าบ้านได้ถูกต่อเติม และเข้าใช้ประโยชน์


ก่อนที่ต่อมา คุณนิด เพื่อนบ้านหลังตรงข้าม ได้ยอมรับว่า เป็นคนรีโนเวทบ้านเอง เพราะคิดจะซื้อบ้านหลังนี้อยู่แล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อเจ้าของบ้านได้เลย โดยพบว่าบริเวณหลังบ้านถูกใช้ทำเป็นครัว และมีการเชื่อมหลังบ้านเข้ากับบ้านหลังข้าง ๆ ซึ่งเปิดเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง และภายในมีวัสดุก่อสร้างวางระเกะระกะ


ต่อมา ทางคุณอายได้เข้าไปดูบ้านเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พบว่าคู่กรณีเดิมได้มายึดบ้านอีกรอ บและเปิดเป็นร้านขายอาหาร พร้อมกับมีป้ายติดประกาศไว้ที่ประตูด้วยว่า "บ้านเลขที่นี้…. หลังนี้ ข้าพเจ้าได้กรรมสิทธิ์ โดยการครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมาย บุคคลใด เข้ามากระทำการใด ๆ ในบ้าน และที่ดินและบ้านหลังนี้ ถือว่ามีความผิดฐานบุกรุก จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน".

-----------

วานนี้ (13 ก.พ. 67) นายซัน - นางสาวอาย หลานชาย และหลานสะใภ้ ของอากู๋เหมทัศน์ พร้อมนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ทีมทนายความของทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เดินทางมาที่ สน.โคกคราม เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อลงบันทึกประจำวัน พร้อมขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตัดกุญแจที่บ้านพิพาท และเก็บของกลาง เป็นหลักฐาน


โดยนายซัน บอกว่า ตนเองและภรรยาในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจ จากอากู๋ ประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับนางสาวศรีพรรณ พร้อมกับพวกที่มีการบุกรุกเข้าไปในบ้านพิพาทหลังดังกล่าว ประกอบอาหาร ขายไก่ตะเกียบทอดน้ำปลา ในคดีฐานบุกรุก ลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์


ซึ่งตนเองมองว่า เกินที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยกันได้แล้ว เพราะรอบนี้ถือว่าเป็นการบุกรุกครั้งที่ 2 ถึงต้องมีการดำเนินคดีเพิ่มเติม โดยตนเองได้เก็บหลักฐานไว้หมดแล้วว่ามีใครเป็นผู้บุกรุกบ้าง ไม่กังวลหากทางคู่กรณีไม่แสดงตัวหรือปฏิเสธ เพราะมีหลักฐานชัดเจน ทั้งชื่อนามสกุล และตัวบุคคล


หลังลงบันทึกประจำวัน และแจ้งความดำเนินคดี ตำรวจ สน.โคกคราม พร้อมนายซันเจ้าของบ้าน และทีมทนายความ ได้พาช่างกุญแจมาที่บ้านพิพาทดังกล่าว ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะถามว่า มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านหรือไม่ ซึ่งไม่มีบุคคลอื่นมาแสดงตัว มีเพียงนายซัน ทายาทอากู๋เท่านั้น


จากนั้น ช่างกุญแจได้ปีนรั้วประตูหน้าบ้านเข้าไปในบ้าน เพื่อมาดำเนินการตัดแม่กุญแจที่หน้าบ้านพิพาท ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ก็สามารถตัดกุญแจเข้าไปด้านในได้ ซึ่งภายในบ้านจะมีข้าวของเครื่องใช้อุปกรณ์ทำครัว โต๊ะ เก้าอี้ และเฟอร์นิเจอร์รับแขกบางส่วน อยู่ด้านในบ้านด้วย


จากนั้น มีการปลดป้ายไวนิลไก่ตะเกียบทอดน้ำปลา ที่แขวนไว้หน้าบ้านหลังดังกล่าวออก และนำป้ายแสดงความเป็นเจ้าของ คือของนายซัน หลานอากู๋ ขึ้นมาติดแทนบริเวณประตูหน้าบ้าน โดยมีข้อความระบุว่า “พื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต หรือเข้ามากระทำการใด ๆ ทั้งสิ้น หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย”


ขณะที่ น้องไก่ทอดที่ถูกนำเบอร์โทรศัพท์มาขึ้นป้ายไวนิลไก่ตะเกียบทอดน้ำปลา ที่คู่กรณีนำมาติดไว้หน้าบ้านหลังดังกล่าว เผยกับทีมข่าวว่า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ไปติดต่อที่ สภ.หาดใหญ่ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่นำเบอร์ไปแอบอ้าง แต่ทางร้อยเวรแจ้งกลับมาว่าไม่รู้ว่าจะต้องเขียนสำนวนอย่างไ รให้มาใหม่วันนี้ (13 ก.พ. 67) เพื่อพบกับหัวหน้าพนักงานสอบสวน


นางสาวอำนวยพร หรือทนายกุ้ง ยังกล่าวอีกว่า วันนี้เจ้าของบ้านตัวจริงต้องการแสดงกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ จึงลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.โคกคราม ว่าก่อนหน้านี้ได้มาแจ้งความดำเนินคดีกับนางศรีพรรณ คู่กรณีในข้อหาลักทรัพย์ เป็นลูกกุญแจที่นำมาเปลี่ยนที่รั้วบ้านใหม่ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา และวันนี้ได้นำโฉนดฉบับจริงมาแสดง ก่อนประสานตำรวจเข้ายึดป้ายร้านขายไก่ทอด ป้ายห้ามผู้อื่นบุกรุก และอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้าน เพื่อนำไปเป็นของกลางทางคดี


สำหรับคดีก่อนหน้านี้ ได้แจ้งความบุคคลไว้ 5 ราย ในข้อหาบุกรุกเคหะสถาน และทำให้เสียทรัพย์ โดยตำรวจได้ส่งสำนวนให้อัยการแล้ว ขณะเดียวกันทราบว่าทนายความฝ่ายคู่กรณีเองก็พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันมานาน โดยได้พบกันเมื่อครั้งที่ไปยื่นคัดค้านการครอบครองปรปักษ์ที่ศาล แต่ไม่ได้พูดคุยกัน

-------------

นางสาวอำนวยพร หรือทนายกุ้ง กล่าวว่า จากนี้หากพบว่ามีบุคคลใดบุกรุกเข้ามาอีกจะสามารถเอาผิดได้ทันที ซึ่งย้อนไปเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2566 มีการส่งมอบบ้านคืนให้เจ้าของตัวจริงไปแล้ว เมื่อมาตรวจสอบภายในบ้านก็ไม่พบสิ่งของใด


แต่ปรากฎว่า วันนี้ พบที่นอน เก้าอี้โซฟา และหม้อหุงข้าว ที่นำมาใช้สร้างหลักฐานแอบอ้างว่าเป็นการพักอาศัยอยู่ ซึ่งการครอบครองปรปักษ์นั้น ต้องมีหลักฐานและเจตนาการเข้าพักอาศัยอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปี จึงมั่นใจหลักฐานของฝ่ายเจ้าของตัวจริง ได้แก่แผนที่บ้านที่นำเสนอผ่านสื่อต่าง ๆ และหลักฐานสำคัญที่แสดงการเป็นเจ้าของบ้าน


“ทรัพย์สินต่าง ๆ ภายในบ้านจะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดไว้เป็นของกลางเป็นหลักฐานและดำเนินคดี เบื้องต้นตอนนี้ 1 คน คือ นางสาวศรีพรรณ ที่แสดงชื่อแสดงตัวติดป้ายอยู่หน้าบ้าน ส่วนใครที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกครั้งนี้ จะต้องให้ตำรวจดำเนินคดีหมดทุกคน หากมีการต่อน้ำ ต่อไฟ มาจากบ้านไหน ก็ต้องดำเนินคดีด้วย ฐานสนับสนุนในการกระทำผิด”

----------

ส่วน นายซัน ก็ได้ขนเสื้อผ้าของใช้จะเข้ามานอนที่บ้านหลังดังกล่าว โดยกล่าวว่า


หลังจากให้ปากคำกับตำรวจเสร็จสิ้นแล้ว จะเข้ามาอยู่ทันที เพราะเตรียมที่นอนมาแล้ว แต่ยอมรับว่ากังวลพอสมควร เพราะต้องเข้ามาอยู่ในดงคู่ขัดแย้ง


ส่วนอนาคต หลังสู้คดี และชนะในชั้นศาลแล้ว ยอมรับว่ามีสิทธิ์สูงที่จะขายบ้านหลังนี้ทิ้งไป เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้กับคู่กรณี ห่างกันไม่กี่เมตรเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ขายให้คู่กรณีแน่นอน นอกจากนี้ ยังต้องการให้ตรวจสอบบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่น่าจะมีความสัมพันธ์กับคู่กรณี เนื่องจากได้ติดตั้งน้ำ และไฟฟ้า เข้ามาในบ้านด้วย

-------------

นอกจากนี้ ทีมงานทนายคลายทุกข์ ได้เก็บหลักฐานที่มีบุคคลนำมาไว้ในบ้าน เช่น และอุปกรณ์ทำครัว อุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้บางอย่างที่นำมานอน ออกจากบ้านทั้งหมด


และหลังจากวันนี้ หากมีการบุกรุกซ้ำอีกก็สามารถเอาผิดได้อีก อย่างไรก็ตามในตัวบ้านที่พบผิดสังเกตคือมีการนำที่นอนโซฟา หม้อหุงข้าว และของใช้บางส่วนมาเก็บไว้ เสมือนเป็นการทำหลักฐานว่ามีการเข้ามาอยู่จริง ทั้งที่ บ้านไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้งาน สำหรับข้อกฎหมายที่นำมาใช้ทวงคืนบ้าน คือ ข้อหาบุกรุก และลักทรัพย์ โดยนำโฉนดที่ดินมาแทนกรรมสิทธิ์ในการทวงบ้านคืน


ทีมกฏหมายทนายเดชา มั่นใจว่า หลักฐานทาง Google street ที่นายซัน หลานชายอากู๋ มีอยู่ในมือ จะสามารถใช้ต่อสู้คดีในศาลว่า คู่กรณีเพิ่งเข้ามาอยู่อาศัย และนำของมาวางไว้เมื่อปี 2560 ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นบ้านปกติ มีต้นไม้วางหน้าบ้าน แต่ไม่มีการเข้าอยู่จริง ไม่มีการมาพักอาศัยจริง ๆ เป็นเพียงที่เก็บของเท่านั้น

------------



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/V0gBKfiLGd8




คุณอาจสนใจ