สังคม

ฝากขัง ตร.เมาแล้วขับชนเด็ก 12 เจ็บสาหัส เจ้าตัวรับดื่มหนัก เครียดปัญหาส่วนตัว พร้อมรับผิด

โดย petchpawee_k

3 ก.พ. 2567

118 views

คืบหน้า ตร.เมา ขับรถชนเด็ก 12 เจ็บสาหัส เจ้าตัวรับเครียดปัญหาส่วนตัว พร้อมรับผิด ส่วนเด็กผู้บาดเจ็บอาการยังทรงตัว 


กรณีเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 10.30 น. เกิดอุบัติเหตุบริเวณหน้าศาลเจ้า หน้าตลาดสดทุ่งเจริญ จ.ร้อยเอ็ด รถกระบะสีขาวบรอนซ์ ขับซิ่งชนรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ของประชาชนหลายคัน แล้วขับหนี โดยลากผู้บาดเจ็บติดรถไปด้วย ระยะทางกว่า 300 เมตร ก่อนที่ผู้บาดเจ็บจะหลุดออกมานอนจมกองเลือดอยู่บนถนน อาการสาหัส ส่วนคนขับรถกระบะผู้ก่อเหตุ ขับหนีไปที่ถนนใหญ่สายร้อยเอ็ด-ยโสธร แล้วก็ไปชนรถชาวบ้านอีก  


ซึ่งภายหลังทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจ  คือ ดาบตำรวจสมทรง  เป็นชาวจังหวัดร้อยเอ็ด แต่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ สภ.นาใน จ.สกลนคร  ช่วงก่อนเกิดเหตุ กำลังเดินทางกลับบ้าน และตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย มากถึง 321 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์


ส่วนผู้บาดเจ็บนั้น คือ เด็กชายวฤทธิ์ อายุ 12 ปี ที่นั่งซ้อนรถจักรยานยนต์มากับป้า แล้วถูกผู้ก่อเหตุขับรถชน ก่อนจะลากร่างของน้องวฤทธิ์ไปไกลกว่า 300 เมตร โดยน้องวฤทธิ์ บาดเจ็บสาหัส

ล่าสุด (2 ก.พ.) ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองปกติ มีกระดูกหักบริเวณหัวไหล่ทั้งสองข้าง แผลฉีกขาดลึกตามลำตัวและใบหน้า และยังใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากผู้ป่วยเพิ่งผ่านภาวะวิกฤติ จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด


ส่วนความคืบหน้าทางคดี เจ้าหน้าที่ได้นำตัวตำรวจผู้ก่อเหตุออกมาพิมพ์ลายนิ้วมือ บันทึกประวัติ เพื่อดำเนินคดี เตรียมส่งฟ้องฝากขังศาล


ตำรวจที่ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนเองปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ สภ.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร โดยปกติตนเข้าเวร สัปดาห์ละ 2-3 วัน ซึ่งในช่วงพัก ก็เดินทางกลับบ้านบ้านโนนแท่น ตำบลหนองแวง อำเภอเมืองร้อยเอ็ดเป็นประจำ ซึ่งตนเองลามาตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม โดยไม่หนีราชการมาแต่อย่างใด


ขณะที่กลับมาอยู่บ้าน ก็กินเหล้าขาวและเหล้าดองยาทุกวันกับเพื่อน ส่วนการมาก่อเหตุชนคนบาดเจ็บแล้วหนีและชนรถหลายคันจนกระทั่งถูกจับได้นั้น ตนเองจำอะไรไม่ได้เลย ว่าจะไปไหนยังไง และมารู้ตัวอีกทีก็อยู่ต่อหน้าพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งตนเองรับว่า หลังจากที่สร่างจากเมาและทราบเรื่อง ก็สำนึกผิด และรู้สึกเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น และยอมรับความผิดตามกระบวนความทุกอย่าง


ผู้ก่อเหตุยังบอกอีกว่า เหตุที่ดื่มสุราเพราะเกิดจากความเครียดในปัญหาครอบครัว ซึ่งต้องห่างจากครอบครัว เนื่องจากต้องย้ายจาก อ.จังหาร ไป สภ.ธวัชบุรี และต่อมาย้ายจากธวัชบุรีไป สภ.นาใน อ.พรรณนานิคม จ.สกลนคร ก็ยิ่งเกิดความเครียด จนทำให้เกิดเหตุขึ้น ซึ่งยอมรับว่าผิดโดยไม่โต้แย้งใดๆ


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ขับรถโดยประมาท และในขณะเมาสุรา เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่น ได้รับอันตรายสาหัส ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย แล้วหลบหนีไม่หยุดช่วยเหลือตามสมควร หรือแจ้งเหตุแสดงตน ต่อตำรวจที่ใกล้เคียงทันที


ต่อมา พล.ต.ต.ทรงพล บริบาลประสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด เปิดห้องแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า แม้ว่าผู้ต้องหาจะเป็นตำรวจก็ต้องอยู่ในกระบวนการทางกฏหมายที่เท่าเทียมกัน โดยไม่การเลือกปฎิบัติหรือช่วยเหลือกัน โดยตำรวจร้อยเอ็ดมีหน้าที่ดำเนินคดีตามกฏหมายจากเหตุที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นตามรูปคดี


ส่วนด้านการจะพิจารณาไล่ออกหรือให้ออกยังต้องรอกระบวนการตัดสินของศาล และเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาโดยตรงจากสกลนครเป็นผู้พิจารณาโดยไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจร้อยเอ็ด ซึ่งหลังการสั่งฝากขัง ศาลก็มีการระบุในสำนวนคัดค้านการประกัน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉรรจ์รุนแรง


ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ทรงพล บริบาลประสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางมาเยี่ยมผู้ป่วยพร้อมให้กำลังใจแก่ญาติ โดยได้รับปากฝ่ายผู้เสียหายว่าจะให้ความยุติธรรมอย่างดีที่สุด พร้อมกับมอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 10,000 บาท


พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวว่า การมอบเงินดังกล่าว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการซื้อใจ หรือเพื่อเปิดช่องช่วยเหลือ ผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของกำลังใจส่วนตัวที่จะเยียวยาเบื้องต้น และยืนยันว่าแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่มีการช่วยเหลือกันทางด้านรูปคดี


ส่วนกรณีจะมีการลงโทษเอาเอาผิดทางวินัย หรือไม่อย่างไรนั้น เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดในพื้นที่จังหวัดสกลนคร จะมีคนดำเนินการพิจารณา โดยตนเองและตำรวจร้อยเอ็ด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงขอให้ญาติทุกคนสบายใจ ว่าจะต้องได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน


ส่วนอาการบาดเจ็บนั้น นายแพทย์พงศธร สว่างขจร ศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ซึ่งเป็น แพทย์เจ้าของคนไข้ เปิดเผยว่า อาการยังถือว่าอยู่ในสภาวะวิกฤต เนื่องจากมีบาดแผลฉกรรจ์ทั้งตัว โดยเฉพาะบนใบหน้าด้านซ้าย หน้าท้อง สะโพก แขนขา ล้วนยังอยู่ในสภาวะวิกฤต เนื่องจากคนไข้เสียเลือดมาก เกิดอาการช็อค และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด


ด้านน้าของคนเด็ก เล่าว่า อาการของน้องยังทรงตัว หลังจากที่เมื่อคืนวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา เข้าทำการผ่าตัด ในหลายส่วนที่ได้รับบาดเจ็บ จากการสอบถามแพทย์ได้รับแจ้งว่า จะต้องดูอาการ ดูแลและทำแผล ไปเรื่อยๆ ในส่วนไหนที่เป็นเนื้อตายก็ต้องมีการตัดทั้งเนื้อตายออกเพื่อรักษา และต้องดูอาการใกล้ชิดแบบชนิดวันต่อวัน  


ด้านนายสุขุม พึ่งไพศาล ตาของเด็ก กล่าวว่า น้องเป็นเด็กขยันเรียน และช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง วันเกิดเหตุน้องเดินทางไปซื้อของกับป้า เพื่อเตรียมไปพักแรมเข้าค่ายลูกเสือ จนมาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน ทำให้ไม่ได้เข้าไปเข้าค่ายลูกเสือกับทางโรงเรียน


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เด็กผู้บาดเจ็บนั้นอยู่กับญาติโดย ไม่มีพ่อแม่ดูแล เนื่องจากพ่อแยกทางกับแม่ไปเมื่อ 4-5 ปีก่อน และต่อมาแม่เสียชีวิตไปเมื่อ 3 ปีก่อน ต้องอยู่ในความดูแลของอากงและญาติๆ ทุกคน ซึ่งก็ขยันหมั่นเพียรเรียนดี ช่วยงานครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าที่หลักคือดูแลอากง


ขณะที่พลตำรวจตรีศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับรายงานเรื่องดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย ได้มีการสั่งกำชับให้พนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่บังคับใช้กฎหมายเอาผิดกับนายตำรวจรายนี้ในทุกความผิดที่ก่อ


โดยเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ขององค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด จึงได้เข้ามาควบคุมดูแลการดำเนินการในคดีนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งในส่วนของตัวผู้ขับขี่ขณะนี้ไม่มีการอนุญาตให้มีการประกันตัวยังคงถูกคุมขัง และเตรียมนำตัวส่งขอหน้าศาลฝากขังตามขั้นตอน


ในส่วนของโทษทางวินัยต้นสังกัดคือตำรวจภูธรจังหวัดสกลนครจะต้อง ดำเนินการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยเพื่อเอาผิดนายตำรวจคนนี้ ขณะที่การเยียวยาทราบว่าทางผู้ก่อเหตุการเยียวยาไปแล้วบางส่วน แต่ทางต้นสังกัดต้องพิจารณาในการช่วยเหลือเยียวยาด้วยเช่นกันเช่นกัน


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/7EejzJ730p4

คุณอาจสนใจ

Related News