สังคม

ภรรยาอธิบดีกรมข้าวแฉ พฤติกรรมแก๊ง "ศรีสุวรรณ" ขู่รีดเงินตั้งแต่รับตำแหน่งแลกไม่ร้องเรียน

โดย gamonthip_s

28 ม.ค. 2567

5.9K views

จากกรณีตำรวจบก.ปปป. สนธิกำลังร่วม เจ้าหน้าที่ ปปท. และ ปปช. ซ้อนแผนจับกุม นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดินหรือนักเคลื่อนไหวชื่อดัง พร้อมด้วยนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และน.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ หลังร่วมกันข่มขู่เรียกเงินนายณัฏฐกิตติ์ อธิบดีกรมการข้าว จำนวน 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนตรวจสอบการบริหารงาน ตามที่มีการนำเสนอไปแล้วนั้น


ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ม.ค.67 นางธัญญรัตน์ อายุ 49 ปี ภรรยาของนายณัฏฐกิตติ์ ผู้เสียหายในคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า นับตั้งแต่สามีตนเข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าว ได้ถูกกลุ่มผู้ต้องหาร้องเรียนมาโดยตลอดเกือบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกรมการข้าว ทั้ง ๆ ที่เคยชี้แจงไปแล้วว่าเรื่องที่ร้องเรียนเหล่านั้นไม่เป็นความจริง จึงรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม


นางธัญญรัตน์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่ามีการเจรจาเรียกเงินจากตน และสามีจริง ซึ่งสามีตนก็ได้พยายามชี้แจงอธิบายข้อเท็จจริงให้พวกเขารับทราบ โดยยืนยันหนักแน่นว่าสิ่งที่เขากล่าวอ้างนั้นไม่ใช่เรื่องจริง สามารถตรวจสอบได้ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะพวกเขายังคงพยายามพูดเกลี่ยกล่อมให้ยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับการยุติการร้องเรียนเช่นเดิม


โดยอ้างเหตุผลว่า “ยอมจ่าย ๆ ไปจะดีกว่า จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จไม่ใช่สาระสำคัญ กว่าจะตรวจสอบพิสูจน์ความจริงได้ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ถึงตอนนั้นก็กลายเป็นข่าวเผยแพร่ตามสื่อต่าง ๆ เสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว มันไม่คุ้มหรอก คุณนายยอมจ่าย ๆ ไปเถอะทุกอย่างจะได้จบ อย่างน้อยก็ถือว่าเอาไว้เป็นพวกกัน”


“ส่วนตัวเชื่อว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ เพราะในช่วงที่มีการเจรจาต่อรองเงินกันกับตน พวกเขามักจะพูดเสมอว่า ลดราคาให้ได้เท่านี้จริง ๆ เพราะทีมงานมีหลายคนต้องไปแบ่งกัน ทั้งทีมส่งข่าว ทีมทำเอกสาร และอีกหลาย ๆ ทีม คุณนายไม่ต้องรู้รายละเอียดพวกนี้หรอก แค่จ่ายเงินมาส่วนที่เหลือจะจัดการเคลียร์เอง


นอกจากนี้ยังมีการยกตัวอย่างเคสก่อน ๆ ของบุคคลอื่นในอดีตมาขู่ในลักษณะทำนองว่าถ้าจ่ายเงินให้ก็จบปัญหา จึงเชื่อว่านอกจากสามีตนแล้วน่าจะยังมีบุคคลอื่นถูกกระทำในลักษณะเช่นเดียวกันกับตนอีก” นางธัญญรัตน์กล่าว


นางธัญญรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตลอดระยะเวลาที่เกิดเรื่องขึ้น รู้สึกเป็นทุกข์ และเครียดมาโดยตลอด ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้ จนกระทั้งคิดได้ว่าเมื่อเราไม่ผิดทำไมไม่ลุกขึ้นมาสู้ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง หรือสู้ให้คนอื่นรู้ว่าความจริงยังมีอยู่ อีกทั้งหากปล่อยให้มีคนแบบนี้อยู่ในสังคมต่อไป แล้วประเทศชาติจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร จึงทำให้ตนมีพลังตัดสินใจลุกขึ้นมาต่อสู้จนนำมาสู่ความจริงที่ปรากฎในวันนี้

คุณอาจสนใจ

Related News