อาชญากรรม

โฆษกศาลยุติธรรม แจงข้อมูลคดี-ผลประกันตัว "แป้ง นาโหนด" ตามพฤติกรรม ประวัติทำผิดหลายครั้ง

โดย kanyapak_w

1 ธ.ค. 2566

390 views

ศาลยุติธรรม แจงข้อมูลคดี-ผลประกันตัว แป้ง นาโหนด และจรวด คดีพยายามฆ่าและลักทรัพย์เวลากลางคืนชิงตัวประกัน กรณีปรากฏข่าวต่อเนื่องเกี่ยวกับการรายงานผลคดีของนายเชาวลิต ทองด้วงหรือที่รู้จักในนาม "แป้ง นาโหนด" และมีการปล่อยคลิปอ้างเรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรมในการประกันตัวคดีในศาล




วันที่ 1 ธ.ค.2566 นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลคดีและผลคำสั่งขอปล่อยชั่วคราวของนายเชาวลิต จำเลย ในศาลจังหวัดพัทลุงและศาลอุทธรณ์ภาค 9 นั้น มี 2 สำนวนประกอบด้วย




1.คดีพนักงานอัยการจังหวัดพัทลุง ยื่นฟ้องนายเชาวลิตวันที่ 7 ก.พ.2565 คดีดำ อ.175/2565 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า ป.อ.มาตรา 32, 33, 80, 83, 91, 92, 138, 140, 289, 296 พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ




พ.ร.บ.สถานบริการ (เหตุเกิดวันที่ 9 ก.ย.2562) ซึ่งศาลรวมสำนวนเป็นคดีเดียวกับที่อัยการยื่นฟ้องจำเลย 4 คนไปก่อนในปี พ.ศ.2564 โดยพฤติการณ์ตามฟ้องพวกจำเลยพกอาวุธปืนติดตัวไปบริเวณร้านอาหาร ต.ปรางหมู่ อ.เมืองพัทลุง และใช้อาวุธยิงผู้ช่วยเจ้าพนักงานตำรวจ ระหว่างเหตุต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่การจับกุมเยาวชนครอบครองอาวุธปืน ซึ่งคดีนี้โจทก์ขอให้ศาลเพิ่มโทษหนึ่งในสามกับนายเชาวลิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ด้วยเนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดวันที่ 30 พ.ย.2554 คดีหมายเลขแดง 2816/2554 โทษจำคุก 9 ปี 13 เดือน 15 วัน ความผิดมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์) เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยระหว่างพิจารณานายเชาวลิตใช้สิทธิยื่นคำร้องขอประกันตัว



ต่อศาลจังหวัดพัทลุงซึ่งเป็นศาลชั้นต้น 3 ครั้ง และมีการอุทธรณ์คำสั่งขอประกันตัวต่อศาลอุทธรณ์ภาค 9



รวม 3 ครั้ง ผลคำสั่งประกันทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีความเห็นทำนองเดียวกันว่ากรณีอุกฉกรรจ์ พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับประวัติของจำเลย หากได้รับการปล่อยชั่วคราวไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะไม่หลบหนี หรือก่อเหตุร้ายประการอื่น



ส่วนจำเลยอื่นอีก 4 คนในคดีเดียวกันนี้มีทั้งที่ไม่ยื่นประกันตัว ยื่นประกันตัวแล้วไม่อนุญาต และศาลจังหวัดพัทลุงอนุญาตให้ประกันโดยให้วางหลักประกัน 480,000 บาท แต่จำเลยนั้นไม่มีหลักทรัพย์มาวาง ขณะที่คดีนี้ศาลจังหวัดพัทลุงกำหนดนัดฟังคำพิพากษาครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พ.ย.2566 แต่ปรากฏว่านายเชาวลิต จำเลยที่ 5 หลบหนีซึ่งศาลจังหวัดพัทลุงได้รับรายงานวันที่ 31 ต.ค.2566 ว่าผู้ต้องขังหลบหนีการควบคุมของเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ขณะไปตรวจรักษาทันตกรรมที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ศาลจึงได้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นวันที่ 25 ธ.ค.2566 เวลา 09.00 น.  



2.คดีพนักงานอัยการจังหวัดพัทลุง ยื่นฟ้องนายเชาวลิต วันที่ 11 ม.ค.2565 คดีหมายเลขดำอ.49/2565 ความผิดกล่าวหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับ ความผิดต่อเสรีภาพ ป.อ.มาตรา 83, 91, 92, 309, 340, 340 ตรี ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนฯ กรณีวันที่ 2 ก.ค.2562 นายเชาวลิตกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนติดตัวไป ต.แพรกหา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายกับกลุ่มเจ้าพนักงานตำรวจแล้วร่วมกันลักเอาอาวุธปืน กระสุนปืนหลายรายการไป ในช่วงแผนประทุษร้ายชิงตัวนายสิทธิเดช หรือจรวด ที่ถูกจับคดียาเสพติด โดยศาลจังหวัดพัทลุงมีคำพิพากษาวันที่ 30 พ.ย.2565เป็นคดีหมายเลขแดง อ.1861/2565 ลงโทษในความผิดร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธฯ ป.อ.มาตรา 335(1)(7) วรรคสองประกอบมาตรา 336 ทวิ ความผิดต่อเสรีภาพ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯซึ่งศาลเพิ่มโทษหนึ่งในสามตามที่อัยการขอท้ายฟ้องกรณีที่จำเลยนั้นเคยรับโทษความผิดคดีอาญาอื่นที่ถึงที่สุดแล้ว จึงจำคุก



นายเชาวลิตทั้งสิ้นเป็นเวลา 20 ปี 16 เดือนพร้อมกับให้จำเลยคืนอาวุธและเครื่องกระสุน หรือใช้เงินแทนแก่ตำรวจผู้เสียหายสามรายด้วย โดยจำเลยยื่นอุทธรณ์คดีตามสิทธิและเมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 ศาลจังหวัดพัทลุงได้ส่งสำนวนคดีที่จำเลยยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 9 คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 9 ซึ่งคดีนี้จำเลยใช้สิทธิยื่นขอประกันในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น 4 ครั้ง และยื่นอุทธรณ์คำสั่งประกันรวมทั้งยื่นประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดีรวม 4 ครั้ง โดยทั้งสองชั้นศาลมีความเห็นไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง



ด้วยเหตุผลลักษณะเดียวกันว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์ พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ข้อหามีอัตราโทษสูง ตามฟ้องใช้อาวุธปืนสงครามในการก่อเหตุ และจำเลยยังถูกฟ้องข้อหาพยายามฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในคดีหมายเลขดำ อ.175/2565 ของศาลจังหวัดพัทลุงอีกคดีหนึ่งซึ่งเป็นการกระทำหลังเกิดเหตุคดีนี้ 2 เดือนอีกทั้งจำเลยเคยถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษในข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืนทำนองเดียวกับคดีนี้มาก่อน หากอนุญาตเกรงว่าจะก่อเหตุอันตรายซ้ำอีกและเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนีหรือจะเกิดความเสียหาย



คดีทั้งสองสำนวนไม่ปรากฏข้อมูลว่านายเชาวลิตใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งขอประกันตัวต่อศาลฎีกา ส่วนข้อมูลที่อ้างถึงการใช้ดุลยพินิจไม่ให้ประกันตัวนายเชาวลิต แต่ให้ประกันตัวจำเลยอื่นนั้น



จากข้อเท็จจริงในสำนวนกรณีที่ศาลมิได้อนุญาตปล่อยชั่วคราวนายเชาวลิตเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายแล้ว โดยตามคำสั่งที่ไม่ให้ประกันตัวนายเชาวลิตของทั้งศาลจังหวัดพัทลุงและศาลอุทธรณ์ภาค 9 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นเพราะพฤติการณ์กระทำความผิดร้ายแรง มีการใช้อาวุธสงครามในการก่อเหตุนายเชาวลิตถูกดำเนินคดีสองคดีในระยะเวลาใกล้ ๆ กันในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.2562 ห่างกันเพียง 2 เดือนเศษ อีกทั้งมีประวัติการกระทำความผิดหลายคดี ทั้งยังมีการตรวจสอบประวัติของจำเลยในสารบบความของศาล มีประวัติการกระทำผิดมาหลายครั้ง ซึ่งนายเชาวลิตเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ ความผิดบุกรุก ความผิดต่อชีวิตเสรีภาพ ฯ ช่วงปี พ.ศ. 2550 ถึงปี พ.ศ.2553 นับ 10 คดี ทำให้น่าเชื่อว่าหากให้ปล่อยชั่วคราวไปอาจหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไปก่อให้เกิดอันตรายประการอื่นอีก อันเป็นเหตุที่กฎหมายกำหนดให้ศาลอาจใช้ดุลพินิจไม่ให้ปล่อยชั่วคราวก็ได้




ส่วนกรณีของนายสิทธิเดช ทรงเดชะหรือจรวด ที่ถูกดำเนินคดีจากพฤติการณ์เกี่ยวพันกับนายเชาวลิตในการชิงตัวประกัน พนักงานอัยการจังหวัดพัทลุง ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2564




คดีหมายเลขดำ อ.1031/2564 ข้อหาพยายามฆ่า ร.ต.อ.อภิชาติ สกุลกิจ เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2562 ชั้นพิจารณานายสิทธิเดชยื่นขอประกันตัว ศาลจังหวัดพัทลุงมีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราว ให้ทำสัญญาประกันและวางหลักประกัน 480,000 บาท แต่เมื่อคดีอ่านคำพิพากษาวันที่ 20 ธ.ค.2565 ศาลจังหวัดพัทลุงซึ่งเป็นศาลชั้นต้นตัดสินลงโทษว่ามีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288, 80 และให้เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามป.อ.มาตรา 92 จากกรณีที่เคยต้องโทษถึงที่สุดคดีอื่นมาแล้วตามที่โจทก์ขอด้วย รวมจำคุกทั้งสิ้น 13 ปี 4 เดือนพร้อมริบลูกกระสุน




ของกลาง และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ ร.ต.อ.อภิชาติ ด้วยจำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินนับแต่วันละเมิด (2 ก.ค.62) เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 10 เม.ย.64 และชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปีตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.64 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นายสิทธิเดชได้ยื่นประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี โดยศาลจังหวัดพัทลุงส่งศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิจารณาและศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำสั่ง




ยกคำร้อง ไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวเพราะเห็นว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกแล้วหลายคดี และครั้งสุดท้ายศาลมีคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต (คดีความผิดต่อชีวิต พยายาม, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ, ลหุโทษ, ละเมิด มีคำพิพากษาวันที่ 19 ก.พ.2557) สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยถึง 13 ปี 4 เดือนซึ่งเป็นอัตราโทษสูง หากได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาชั้นอุทธรณ์เกรงว่าจำเลยจะหลบหนี



โดยจำเลยใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งขอประกันตัวต่อศาลอุทธรณ์ภาค 9 ด้วยแต่ศาลก็ไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง กระทั่งวันที่ 27 ธ.ค.2565 นายสิทธิเดช ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา แล้วศาลฎีกามีคำสั่งว่าจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดีและจำเลยเคยได้รับการปล่อยชั่วคราวมาก่อนไม่มีพฤติการณ์หลบหนี อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ตีราคาประกัน 480,000 บาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป ขณะที่คดีนี้ศาลจังหวัดพัทลุงกำหนัดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9



ในวันที่ 12 ธ.ค.2566 ซึ่งในวันนัดจำเลยจะต้องเดินทางมาฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ตามนัด หากผลเป็นอย่างไรจำเลยก็ใช้สิทธิยื่นประกันตัวรวมถึงการยื่นฎีกาสู้คดีต่อไปได้เหมือนคดีอาญาอื่น ๆ  



ทั้งนี้ การพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญาใด ๆ ศาลย่อมต้องพิเคราะห์จากปัจจัยต่าง ๆ และข้อมูลรายงานคดีตั้งแต่ชั้นสอบสวนเรื่อยมาประกอบด้วย ซึ่งแต่ละรายอาจแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นข้อหาที่ถูกดำเนินคดี บทบาทของผู้ต้องหาและจำเลยแต่ละคนในการกระทำที่ถูกกล่าวหา ตลอดจนประวัติและความเกี่ยวเนื่องกับคดีอื่น การที่คดีหนึ่งให้ประกันแต่อีกคดีไม่ให้จึงเป็นผลจากพฤติการณ์ในแต่ละกรณี ไม่ได้เกิดจากการเลือกปฏิบัติกับผู้ต้องหาและจำเลยในคดีใดคดีหนึ่งโดยเฉพาะ การที่ศาลไม่ให้ประกันไม่ได้หมายความว่าศาลจะฟังและเชื่อเป็นยุติตามที่เจ้าพนักงานตำรวจระบุมาเท่านั้นตามที่มีการกล่าวอ้าง




แต่ข้อมูลของเจ้าพนักงานตำรวจย่อมเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่จะต้องใช้ประกอบการพิจารณา เพราะเป็นพยานหลักฐานที่มีการรวบรวมได้และมีอยู่ในขณะนั้น ส่วนการพิพากษาจะเป็นอย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับการสืบพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาต่อไปศาลยุติธรรมยืนยันว่าในการพิจารณาให้ปล่อยชั่วคราว ศาลให้การพิจารณาแก่ผู้ต้องหาหรือจำเลยทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับผู้ต้องหาหรือจำเลยคนหนึ่งคนใดเป็นการเฉพาะ และในกรณีนี้ก็เช่นเดียวกันที่ศาลได้พิจารณาพฤติการณ์และมีคำสั่งที่เหมาะสมตามรูปคดีและสอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งกฎหมายแล้ว




คุณอาจสนใจ

Related News