ต่างประเทศ

หารือ 'ไบเดน-สี จิ้นผิง' เกือบจะดี แต่ผู้นำสหรัฐฯ ยังแขวะ ปธน.จีน 'เผด็จการ' กูรูจวก ไม่ต้องพูดก็ได้

โดย nattachat_c

17 พ.ย. 2566

60 views

โรเบิร์ต เอส รอสส์ ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ จากบอสตัน คอลเลจ ในสหรัฐ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน ออกโรงจวกประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ที่ออกมาแถลงข่าว หลังการพบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน และ ไบเดน ได้เรียก สี จิ้นผิง ว่า 'เผด็จการ' 


โดย รอสส์ บอกว่า ไบเดน ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดอะไรแบบนั้นเลย ในช่วงที่สหรัฐฯต้องการหาทางฟื้นความสัมพันธ์กับสหรัฐฯเช่นนี้

ทั้งนี้ หลังการหารือกันนานถึง 4 ชั่วโมง ไบเดน ก็ได้จัดการแถลงข่าวเดี่ยว โดยเขายัง เรียกประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ว่า เป็นเผด็จการ

รอสส์ กล่าวว่า ที่นี่ ไบเดน กำลังพยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น สำหรับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน แต่เขาก็ยังคงดูหมิ่นประธานาธิบดีของจีน มันไม่ได้สร้างรากฐานที่ดีในการก้าวไปข้างหน้าเลย ผมคิดว่ามันอาจจะไม่ได้ถึงกับทำให้เกิดความเสียหายใด ๆ แต่มันก็ ไม่จำเป็นเสมอไปที่จะพูดแบบนั้น คำตอบที่ซับซ้อนกว่านี้ น่าจะมีประโยชน์กว่า”

ทั้งนี้  ในตอนท้ายของการแถลงข่าว ไบเดน ถูกถามจากผู้สื่อข่าวว่า เขายังคงมีความเห็นว่า สี เป็นเผด็จการหรือไม่ เหมือนกับที่เขาเคยพูดไว้เมื่อมิถุนายน ซึ่ง ไบเดน ได้ตอบว่า “ดูสิ เขายังเป็นอย่างนั้น เขาเป็นเผด็จการในแง่ที่ว่า เขาเป็นคนที่บริหารประเทศที่เป็นประเทศคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนรูปแบบการปกครองที่แตกต่างจากของเราโดยสิ้นเชิง”

ทางด้าน กระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ออกมาคัดค้านอย่างรุนแรงต่อคำพูดดังกล่าว โดยไม่เอ่ยชื่อ ไบเดน โดย เหมาหนิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวว่า  “คำกล่าวนี้ถือเป็นการกระทำที่ผิดอย่างยิ่ง และเป็นการบิดเบือนทางการเมืองอย่างขาดความรับผิดชอบ”

เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ครองตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 3 เมื่อสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติ เกือบ 3,000 คน ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ ให้เขาในการเลือกตั้งที่ไม่มีผู้สมัครคนอื่น ซึ่ง สี จิ้นผิง ถือเป็นผู้นำจีนที่ทรงอิทธิพลที่สุด นับตั้งแต่ เหมา เจ๋อตุง หลังจากรวบรวมอำนาจในการกำหนดนโยบาย และการทหาร มาเป็นเวลาสิบปี และขัดขวางเสรีภาพของสื่อ

ทั้งนี้ ในระหว่างการพบปะกันของทั้งสองนั้น ได้มีการเห็นพ้องร่วมกัน คือการฟื้นฟูการติดต่อสื่อสารระดับสูงระหว่างฝ่ายทหารกับฝ่ายทหารของสหรัฐฯ-จีน ขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ปักกิ่งประกาศตัดขาดไป ภายหลัง แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ในตอนนั้นเดินทางไปเยือนไต้หวันเมื่อปี 2022 ทั้งนี้ ไบเดนย้ำว่า เรื่องนี้ “มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด” สำหรับการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการสู้รบขัดแย้งกันขึ้นมา

------------

คุณอาจสนใจ

Related News