ต่างประเทศ

‘ติ๊กต็อก’ ไม่หวั่นถูกแบนในสหรัฐฯ ซีอีโอลั่นสู้กันในศาล หลัง 'โจ ไบเดน' ลงนามสั่งขายกิจการ

25 เม.ย. 2567

60 views

'โจว ซื่อ ชู'  ซีอีโอ 'ติ๊กต็อก' ชาวสิงคโปร์ กล่าวในวิดีโอทางติ๊กต็อกว่า ทางบริษัทคาดว่าจะชนะคดี จากกฎหมายที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เพิ่งลงนามในการสั่งแบนแอปพลิเคชันยอดนิยม ที่มีผู้ใช้ 170 ล้านคนในอเมริกา หาก บริษัท ไบต์แดนซ์ (Bytedance) เจ้าของ ติ๊กต็อก (TikTok) ไม่สามารถขายหุ้นทั้งหมดภายในเวลา 9 เดือนถึง 1 ปี ต่อจากนี้

ทั้งนี้ โจ ไบเดน ได้ลงนามในผ่านร่างกฎหมาย ที่ให้เวลาติ๊กต็อก 270 วัน ในการขายกิจการในสหรัฐฯ หรือเสี่ยงถูกห้ามใช้ในอเมริกา หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร  และวุฒิสภา ผ่านร่างกฎหมายไปก่อนหน้า  


โดย โจว กล่าวว่า “เราจะไม่ไปไหน” และว่า “ความจริง และรัฐธรรมนูญ จะอยู่ข้างเรา และคาดว่า เราจะได้รับชัยชนะอีกครั้ง”


กฎหมายดังกล่าวได้ขีดเส้นตายให้ติ๊กต็อกขายกิจการในวันที่ 19 มกราคม ซึ่งเป็นเวลา 1 วัน ก่อนที่ไบเดนจะหมดวาระผู้นำสหรัฐฯ แต่ไบเดนอาจขยายเส้นตายดังกล่าวได้อีก 3 เดือน ถ้าหากเห็นว่าบริษัทไบต์แดนซ์มีความคืบหน้าในเรื่องการขายกิจการ

กฎหมายแบนติ๊กตอกนี้ ได้รับแรงขับเคลื่อนจากความกังวลในหมู่นักการเมืองอเมริกันว่า จีนอาจเข้าถึงข้อมูล หรือสอดแนมชาวอเมริกัน ผ่านแอปดังกล่าว โดยร่างกฎหมายจะผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์ และวุฒิสภาในค่ำวันอังคาร ก่อนส่งต่อให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ลงนามเป็นกฎหมายในวันพุธ

วุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ จากพรรครีพับลิกัน ในฐานะคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า “กฎหมายใหม่จะบังคับให้บริษัทจีนขายกิจการแอปพลิเคชั่นนี้ นี่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับอเมริกา”

ทางด้าน กระทรวงต่างประเทศจีน ได้ออกโรงตอบโต้ทันทีว่า “แม้ว่าสหรัฐฯ ไม่เคยพบหลักฐานว่า ติ๊กต็อกเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ แต่สหรัฐฯ ไม่เคยหยุดที่จะติดตามติ๊กตอก”

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผลักดันแผนการปิดกั้นการใช้แอปติ๊กต็อก และวีแชท ในสหรัฐฯ แต่ถูกศาลปัดตกไป

ขณะที่ ติ๊กตอก ยืนยันว่า ไม่มีการแบ่งปันข้อมูลของผู้ใช้ในอเมริกากับรัฐบาลจีน  แต่คาดว่า ติ๊กต๊อก รวมถึงผู้ใช้ เตรียมเดินหน้าทางกฎหมาย ว่าด้วยผลกระทบต่อสิทธิในการแสดงออกของประชาชน ตามบทบัญญัติเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ  ฉบับที่ 1 (เฟิร์ส อาเมนด์เมนต์)

ทั้งนี้ นักการเมือง และกลุ่มนักเคลื่อนไหว มองว่า ร่างกฎหมายดังกล่าว อาจเปิดทางให้ทำเนียบขาวมีเครื่องมือใหม่ในการแบน หรือบังคับขายกิจการแอปพลิเคชั่น ของต่างชาติ ที่มองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงประเทศได้

ขณะที่ทางด้าน สหภาพเสรีภาพแห่งอเมริกัน (อเมริกัน ซิวิล ลิเบอร์ตี้ ยูเนียน) (American Civil Liberties Union)  ระบุว่า การแบนหรือสั่งขายกิจการของติ๊กต็อก อาจ “สร้างแบบอย่างที่น่าตกใจถึงการใช้อำนาจควบคุมสื่อสังคมออนไลน์ของรัฐบาลที่เกินจำเป็น...ถ้าหากสหรัฐฯ แบนแพลตฟอร์มต่างชาติได้ในวันนี้ ในวันหน้า ประเทศอื่นก็อาจจะลอกเลียนมาตรการแบบเดียวกันนี้ได้”

-------------

คุณอาจสนใจ

Related News