เลือกตั้งและการเมือง

'โรม' มองจีนผิดสัญญา ปมเรือดำน้ำ ต้องรับผิดชอบ ทำไม ทร.ถึงยอม เปลี่ยนเป็นเรือฟริเกตแทน

โดย passamon_a

22 ต.ค. 2566

1.3K views

เมื่อวันที่ 21 ต.ค.66 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกองทัพเรือจะเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกตแทน จากประเทศจีน มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท โดยต้องจ่ายเงินส่วนต่างจากที่เคยจ่ายค่าเรือดำน้ำไปบางส่วนแล้ว สามารถดำเนินการได้หรือไม่ว่า คงต้องตรวจสอบ ปกติตามหลักสัญญาต้องพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย ยังไม่ทราบว่าสุดท้ายทางฝ่ายจีนจะว่าอย่างไร


นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แต่กรณีเรือดำน้ำ ทางฝ่ายจีนผิดสัญญา แล้วทำไม ทร.ถึงไปยอม อันนี้คือสิ่งที่คิดว่าสังคมไทยไม่สามารถเข้าใจได้ ทำไมถึงไปยอมเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น จริง ๆ แล้วในเมื่อผิดสัญญา ฝ่ายจีนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบด้วยซ้ำไป ดังนั้นเรื่องนี้ทางการจีนจะรับผิดชอบอย่างไร กับการที่ผิดสัญญา


นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ประการที่สอง ต้องพิจารณาต่อว่าสำหรับประเทศไทยมีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องเพิ่มเรือฟริเกต หรือเพราะว่ามีในเรื่องของเงื่อนไขเรือดำน้ำที่อาจได้เครื่องยนต์ไม่ได้คุณภาพอย่างที่ต้องการ เลยใช้โอกาสนี้ในการที่จะไปซื้อเรือฟริเกต ถ้าเป็นแบบนั้นคิดว่าเป็นลิงแก้แห ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ ถ้าอยากได้เรือฟริเกตจริง ๆ อาจมีเรือฟริเกตจากที่อื่นที่ดีกว่าประเทศจีนหรือไม่ หรือแม้กระทั่งอาจจะใช้โอกาสนี้ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศที่อาจต่อเรือฟริเกตของไทยเองขึ้นมาก็ได้


เมื่อเป็นเช่นนี้ กลายเป็นว่านายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ทร. จะแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่ได้สนใจว่าจะใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างไม่คุ้มค่าขนาดไหน สุดท้ายยังวนเวียนอยู่กับการซื้ออาวุธ แบบที่ไม่สามารถตอบคำถามสังคมได้ว่าตกลงแล้วประเทศได้อะไรจากเรื่องนี้


เมื่อถามว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระบุในหลักการสามารถทำได้ รอเพียงการหารือกับทางการจีนก่อน จะขัดต่อกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง และมีผลต่อการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่มีผลผูกพันในอนาคตหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าเบื้องต้น ถ้าสมมติจะทำต้องตั้งงบ เข้าใจว่าคงจะยังไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ คงต้องใช้ในเรื่องของงบประมาณที่กำลังทำกันอยู่มาดำเนินการ แต่ปัญหาคือ ต้องไปเช็กข้อกฎหมายอื่น ๆ ด้วย


นายรังสิมันต์ กล่าวว่า และสุดท้ายไม่ใช่แค่ว่าทำตามสัญญาหรือไม่ แต่ทำแบบนี้ฝ่ายไทยเสียเปรียบ คือตกลงคุณอยากได้อะไร ที่ผ่านมากองทัพเรือบอกว่า เรือดำน้ำมีความจำเป็น วันนี้ไม่เอาเรือดำน้ำแล้ว วันนี้บอกว่าต้องเป็นอย่างอื่น ตกลงคือพูดง่าย ๆ คือ ปัญหาคืออะไร มันคือเรือดำน้ำมีความจำเป็น หรือสุดท้ายต้องมีอาวุธจากประเทศจีนเป็นความจำเป็น จะอะไรก็ได้กันแน่ ดังนั้นต้องเคลียร์ให้ชัดตั้งแต่ตรงนี้ก่อน เมื่อฝ่ายจีนผิดสัญญา ทำสัญญาอะไรทุกอย่างไปหมดแล้ว เขาจะแก้ไขอย่างไร ถ้าไม่แก้ไข เรายกเลิกสัญญา หรือเปลี่ยนแปลงสัญญาเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่


นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า สมมติว่าถ้าต้องซื้อเรือดำน้ำจริง ๆ ไปซื้อจากที่อื่นได้หรือไม่ หรือสุดท้ายถ้ากลับมาทบทวนแล้ว เรือดำน้ำไม่มีความจำเป็นต่อประเทศเลย ส่วนตัวคิดว่าเรือดำน้ำยังไม่ใช่วาระสำคัญที่จะต้องมีในตอนนี้ เพราะประเทศกำลังเผชิญหน้ากับภัยอย่างอื่นมากกว่า อาจจะเอาเงินงบประมาณตรงนี้ไปทำอย่างอื่นดีกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คิดว่าอยากให้ทั้งกองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม มองภาพให้กว้างกว่านี้


"นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าใจว่าพอไปอยู่ตรงนั้น อาจจะเป็นตัวตนแบบเดิมไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าก็น่าจะทราบ เราเองก็เคยร่วมงานกันมา ก็น่าจะทราบว่าถ้าเรามองภาพให้กว้างวันนี้โจทย์ในเรื่องเรือดำน้ำอาจจะไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ของประเทศของเรา"


ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงขั้นต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ การดำเนินงานของ ทร.และกระทรวงกลาโหม ที่เปลี่ยนไปซื้อเรือฟริเกตหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงต้องดูพยานหลักฐาน ดูข้อเท็จจริง ดูข้อมูล ถ้ามีการทุจริตเกิดขึ้นก็ไม่ปิดทาง ความเป็นไปได้ที่จะต้องมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่นมาดู แต่ต้องไปดูรายละเอียดก็ต้องพยายามให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


เมื่อถามว่าเรื่องการเปลี่ยนไปซื้อเรือฟริเกต จะเป็นหนึ่งในประเด็นที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายตรวจสอบรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอรอดูข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนดีกว่า



รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/cUKwk_bCJ6Q

คุณอาจสนใจ

Related News