สังคม

พระยังไม่เว้น แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเจ้าอาวาสซ้ำหลังเสียรู้โอนเงินกว่า 1 แสน

โดย gamonthip_s

21 ต.ค. 2566

474 views

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง จากพระเอกฉลวย อายุ 59 ปี เจ้าอาวาสวัดป่ามั่นเจริญบัวธรรม ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ถูกมิจฉาชีพโทรศัพท์อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมที่ดิน จะประสานงานเรื่องการโอนโฉนดที่ดินจากชื่อพระเอกฉลวยให้เป็นโฉนดที่ดินของวัด ตามที่ได้ยื่นเรื่องไว้กับสำนักงานที่ดินสาขาบางบัวทอง ซึ่งทางพระเอกฉลวยจำเสียงของมิจฉาชีพได้ ว่าเป็นคนเดียวกันกับที่เคยโทรมาหลอก ว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน จนเสียรู้โอนเงินในบัญชีของวัดไปเป็นเงินเกือบ 150,000 บาท เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม จึงได้ออกมาร้องสื่อมวลชนเพื่อเป็นการเตือนภัย


พระเอกฉลวย กล่าวว่า เมื่อตนได้รับอนุมัติให้เป็นวัด จึงโอนที่ดินให้เป็นที่ของพระอาจารย์ โอนให้มาเป็นชื่อวัด ซึ่งทั้งหมดมี 9 ฉโนด เป็นเขตพื้นที่บางบัวทอง ซึ่งส่งไปตั้งแต่ปี 2565 จู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาติดต่อเรื่องที่ดิน ซึ่งทีแรกคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อติดต่อมาแล้วแต่กลายเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้โดนดูดเงินไป 140,000 บาท



หลังจากนั้น เมื่อวานนี้เป็นเสียงผู้หญิงคนเดิมที่โทรเข้ามา เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงได้อัดคลิปเสียงไว้ ซึ่งคาดว่าเขาน่าจะได้เบอร์ติดต่อ และข้อมูลมา แต่คงจำไม่ได้ว่าเคยโทรมาหลอกเงินไปแล้ว 1 ครั้ง แต่ก็จะโทรมาหลอกอีก แต่ตนจำได้เลยปฏิเสธสายไปว่าไม่ว่างกำลังบวชพระอยู่ ให้โทรกลับมาภายหลัง หลังจากนั้นเขาก็ติดต่อกลับมาอีกครั้งโทรมาสอบถามเรื่องที่ดินเป็นการหลอกแบบเดิม ซึ่งตนคิดว่าเงินที่ถูกโกงไปคงจะไม่ได้คืน แต่ว่าตนอยากให้กรมที่ดินบางบัวทอง ที่ดินของวัดอยากทำให้เสร็จสิ้น จะได้ไม่ต้องมาระแวงจะถูกหลอกอีก ซึ่งตนเดินเรื่องที่ดินเมื่อปี 2565 แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จ



ซึ่งทางกรมที่ดินได้ส่งเรื่องไปที่อำเภอ ทางอำเภอได้มาสอบสวนเกี่ยวกับที่ไปที่มาของที่ดิน หลังจากนั้นก็มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้โทรมา ตนจึงหลงเชื่อ ซึ่งได้ติดตามดูข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ตลอด คิดว่าจะไม่ถูกหลอก และจะไม่หลงเชื่อ แต่ก็ถูกหลอก ซึ่งหลังจากเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความแล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งครั้งแรกโดนหลอกสูญเงินไป ครั้งที่สองก็ได้แค่คุยกับมิจฉาชีพแต่ยังไม่ได้โอนเงินให้ เพราะจำเสียงของเขาได้ อัดคลิปไว้หมดทุกอย่าง ซึ่งตนพยายามหลอกล่อให้มิจฉาชีพติดต่อกลับมาอีกครั้ง และจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จัดการ เพื่อที่จะหาว่าเป็นใคร แต่ก็ถูกไล่กลับมาว่าตามไม่ได้ เพราะตำรวจมีงานเยอะ ซึ่งคิดว่าถ้าตำรวจทำงานแบบนี้รู้สึกสงสารประชาชน และประเทศจะต้องถูกหลอกอยู่ตลอด แทนที่จะกำจัดและช่วยเหลือประชาชน แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้

คุณอาจสนใจ

Related News