กรมอุทยานฯ จัดสัมมนาอุทยาน ถกประเด็นแก้ไขปัญหา ม.18 ม. 64 ม.65 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562

กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเวทีวิเคราะห์ประเด็นปัญหาการบริหารจัดการอุทยาน หลังพบสภาพปัญหาในพื้นที่จริง อาจไม่สอดคล้องกับการปฎิบัติตามมาตรา 18 มาตรา 64 และ 65 ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ได้ทั้งหมด ขณะที่ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ย้ำว่าต้องเดินหน้าทำความเข้าใจ กับภาคประชาชนผู้อาศัยในพื้นที่พิพาท โดยยึดความแข็งแกร่ง แต่ไม่แข็งกร้าว





เวทีสัมมนาวันนี้ มีเป้าหมายเพื่อวิเคราะห์ประเด็นปัญหา และการดำเนินงานตามบทบัญญัติมาตรา18 , มาตรา 64 และมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติ อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ซึ่งข้อสรุปจากเวทีในภูมิภาคก่อนหน้านี้ พบว่าเจ้าหน้าที่มีข้อกังวลว่าอาจมีบางประเด็นทำงานได้ไม่ครบถ้วน ตามบทบัญญัติมาตรา 22,23,33,64, และมาตรา 65 ของ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 เนื่องจากพบปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ แต่กฎหมายไม่เปิดช่องให้ทำได้ในบางกรณี



รวมถึงการประชุมของคณะกรรมการพิจารณาแผนการบริหารจัดการพื้นที่อุทยานฯ และการกำหนดเขตการจัดการภายในอุทยานฯ ตามมาตรา 18 จำนวน 146 แห่ง พบว่า มีปัญหาเรื่องการกำหนดเขตจัดการ/แนวทางการจัดการอุทยานแห่งชาติ เช่นมาตรา 18 กรณีการบริหารจัดการแพและที่พักอาศัยบนพื้นน้ำ ในเขตอุทยานแห่งชาติ/กรณีพื้นกำหนดให้เป็นพื้นที่น้ำท่วมถึงในอ่างเก็บน้ำ ในเขตอุทยานฯ แต่ยังมีประชาชนใช้ประโยชน์ทำกิน หรืออาศัย หรือกรณีที่ตั้งของหน่วย อบต. ตชด. ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยาน ซึ่งไม่สามารถขอใช้พื้นที่เพื่อพัฒนา หรือปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างได้ เป็นต้น





ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่ามาตรา 18 ที่กำหนดให้ทุกอุทยานแห่งชาติ ต้องจัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติ โดยต้องมีราย ละเอียด และแนวเขตการจัดการพื้นที่ รวมถึงให้เปิดรับฟังความคิดเห็น /การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และชุมชนที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้อง ทราบว่า

อุทยานแต่ละมีพื้นที่ มีผังเป็นอย่างไร มีพื้นที่ตรงไหนบ้าง ต้องสามารถแจ้งให้ชาวบ้านทราบได้ และต้องมีความแม่นยำชัดเจน





สำหรับมาตรา 64 การสำรวจการถือครองที่ดินของประชาชน ที่ทำกินภายในเขตอุทยานแห่งชาติ และมาตรา 65 กำหนดให้ชาวบ้านสามารถเก็บหาของป่าหรือหากินใน เขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้ภายใต้กรอบที่กำหนด เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารจัดการ ซึ่งกฎหมายจะเป็นเข็มทิศให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนายจตุพร ย้ำว่า

เจ้าหน้าที่ต้องพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ให้เข้าใจร่วมกัน /การวางตัวและบทบาทของเจ้าหน้าที่ต้อง "แข็งแกร่ง แต่ไม่แข็งกร้าว" เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดการทรัพยากรร่วมกัน