กรมอุทยานฯ เปิดข้อสังเกต ปมพิพาทที่ดินบ้านเหวปลากั้ง ยันไม่ควรปักหมุด

คืบหน้าการตรวจสอบกรณีการออกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. ที่อำเภอปากช่อง ซึ่งสำนักงาน ส.ป.ก.ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าแปลงพิพาทที่บ้านเหวปลากั้ง อยู่นอกเขตอุทยานเขาใหญ่ และแต่กรณีเจ้าหน้าที่ไปออก ในพื้นที่ไม่เหมาะสม กำลังสอบสวนเอาผิด ขณะเจ้าหน้าที่อุทยานฯและป่าไม้ ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องนี้ ชี้ให้เห็นว่า เหตุใด ส.ป.ก. ในสองพื้นที่ ที่เข้าตรวจสอบเมื่อวานนี้ จึงไม่เหมาะที่จะออก ส.ป.ก.ได้



ข้อสรุปจากการเข้าพื้นที่หมุดส.ป.ก.ริมน้ำลำตะคอง เชิงเขาวังหินที่บ้านกุดคล้าเมื่อวานนี้ พบว่า แปลง ส.ป.กครอบครองโดยนายอนุพงศ์ ซึ่งมีชื่อได้ เป็นนักธุรกิจกลุ่มโรงแรม เขาได้ และอยู่ระหว่างได้รับสิทธิ์ ส.ป.ก. รวม 8 แปลงเนื้อที่รวม 80 ไร่ คุณสมบัติการเป็นเกษตรกรของเขา จึงถูกตั้งคำถาม คำถามต่อมาคือสภาพแปลงที่มีรูปแปลง สปก.และหมุดนี้ พบว่าอยู่ในเขตป่าไม้ 2484 มีสภาพเป็นป่า มีความลาดชันเกิน 100 เปอร์เซ็น สภาพพื้นที่มีร่องรอยที่อยู่อาศัยของช้างป่า พบซากเม่น และยังพบการรุกล้ำลำตะคองด้วยการถมหินลงไป



กรณีนี้ก็ถูกตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสมของการคัดเลือกแปลง นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชี้ให้เห็นว่า โดยปกติการออกโฉนดที่ดินของราษฎร ต้องเรียกที่ดินข้างเคียงมาตรวจสอบออกโฉนด แต่กรณีนี้ที่ดินของกรมป่าไม้กว่า 30 ล้านไร่ ที่ส่งมอบให้ สปก.ไป โดยที่บางพื้นที่ยังมีป่าสมบูรณ์ติดไปด้วย และสปก.ต้องกันพื้นที่สมบูรณ์นั้นคืนมา



นายชีวะภาพยังสะท้อนว่าหนึ่งในปัญหาคือการออกเอกสารของ ส.ป.ก.โดยไม่ประสานป่าไม้ หรือในกรณีบ้านห้วยปลากั้ง ทั้งที่อุทยานเขาใหญ่คัดค้านแล้ว ก็ยังฝืนออกจนเกิดปัญหา กรณีนี้ต้องรีบแก้ไข



ส่วนแปลงที่ของป่าสงวนแห่งชาติป่าดงพญาเย็น ตำบลกลางดง กรณีนี้สรุปพื้นที่ได้ว่ามีการบุกรุกแผ้วถางเข้าไปในป่าสงวนฯ และสวนป่ากลางดง ที่ปลูกไม้สักเพื่อขุดบ่อ โดยไม่ได้ออกรูปแปลงของ ส.ป.ก.เลย จำนวน 22 ไร่ ดำเนินคดีแล้ว



และส่วนที่มีรูปแปลง ส.ป.ก. ทั้งที่รุกเข้าไปในสวนป่ากลางดง และอยู่นอกสวนป่า รวม 18 แปลง 46 ไร่ โดยสภาพแปลงยังมีพื้นที่ป่าอยู่ และสภาพไม่เหมาะกับการทำเกษตรกรใดๆ ก็จะทำรายละเอียดและสอบถามสปก.เพื่อดำเนินคดี



วันนี้ สำนักงาน ส.ป.ก. เผยแพร่เอกสารแถลงการณ์ มีใจความหลัก 5 ข้อยืนยันว่า พื้นที่พิพาทบ้านเหวปลากั้ง อยู่ในเขตที่ ส.ป.ก.รับมาดำเนินการ ตามกฎหมาย และพื้นที่อื่นตามพระราชกฤษฏีกา รวม 33,896ไร่ ไม่ทับซ้อนอุทยาน พื้นที่ 33,896 ไร่นั้น มีร่องรอยทำกินมาก่อนเป็นส่วนใหญ่ 86.25% ส.ป.ก.มีอำนาจจัดสรรพื้นที่เหล่านั้น ให้เกษตรกร กรณี มติ ครม.เห็นชอบตามการปรับปรุงแผนที่ one map ให้ที่ดินที่ ส.ป.ก.ได้รับมาในพื้นที่พิพาท ให้ไปอยู่ในเขตอุทยานฯ จะเยียวยาเกษตรกรตามกฎหมาย และแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดตอนนี้



ส.ป.ก.ยึดหลักการว่า พื้นที่ ซึ่งมีสภาพเป็นป่าและเป็นไปตามข้อตกลงที่จัดสรรทำกินไม่ได้ แต่ถูกจัดสรรไปแล้วนั้น ส.ป.ก.ได้ย้าย จนท.ออกจากพื้นที่ เพื่อตรวจสอบ หากผิดจะดำเนินคดีทั้งวินัย อาญา หากไม่ผิด ผู้ได้รับสิทธิ์ต้องได้รับการคุ้มครองโดยไม่มีหน่วยงานอื่นไปรบกวน หรือรอนสิทธิ์ได้