สุดหดหู่! เด็ก ป.6 ถูกคนร้ายปลอมเป็นครู บังคับถ่ายรูปเปลือย อ้างตรวจร่างกาย ก่อนนำไปโพสต์ว่อนโซเชียล

เวลา 13.00 น. วันที่ 19 ส.ค. 2566 ทีมเพจเรื่องจริงนครนายก (มูลนิธิองค์กรทำดี) พาแม่และเด็ก ป.6 ผู้เสียหายเข้าให้ปากคำ หลัง ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ได้เข้าพบ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ช่วยติดตามคดี เนื่องจากคดีไม่คืบหน้า จากนั้นมีคำสั่งด่วน จากท่าน ผบ.ตร. ให้ สภ.แก่งคอย เร่งสอบสวนดำเนินคดี กรณีผู้ปกครองร้องให้เพจเรื่องจริงนครนายก (มูลนิธิองค์กรทำดี) ให้ช่วยลูกสาว 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ถูกกลุ่มคนแอบอ้างปลอมเป็นครูบังคับให้ถ่ายภาพเปลือยผ่านระบบไลน์ อ้างตรวจร่างกาย หากไม่ทำจะไล่ออกจากโรงเรียน ก่อนนำไปโพสต์ว่อนโซเชียล


เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับนักสหวิชาชีพ พมจ.สระบุรี และอัยการ ร่วมสอบสวนแม่และเด็ก นานกว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งในการสอบสวนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้ ทีมของ ดร.บุ๋ม ปนัดดา เข้าร่วมฟังการสอบสวน ซึ่งทีมช่วยเหลือของ ดร.บุ๋ม ปนัดดา ได้มีความกังวลถึงการปฏิบัติงาน เนื่องจากตำรวจพาครูเข้าสอบสวนเด็กภายในบ้านโดยไม่มีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ และอัยการ


ก่อนที่จะเรียกแม่และเด็กมาสอบที่ สภ.แก่งคอย พร้อมกับนักสหวิชาชีพ พมจ.สระบุรี และอัยการ อีกครั้ง และอีกกรณี คือชุดสืบสวนได้มีการเรียกแม่และเด็กสอบสวนก่อน โดยยังไม่ให้ไปพบ ร้อยเวร ซึ่งต้องให้ปากคำกับชุดสืบสวนก่อนถึงจะไปให้ข้อมูลกับร้อยเวร ตามขั้นตอนปกติ ร้อยเวรควรจะสอบสวนก่อนส่งสำนวนให้กับชุดสืบสวนต่อไป


แม่เด็กผู้เสียหาย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าเหตุผลที่คดีเงียบก่อนหน้านี้ เนื่องจากว่าที่แม่เคยมาแจ้งความนั้นเป็นเพียงการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น แต่ไม่ได้แจ้งแบบดำเนินคดี ทั้งๆ ที่ในครั้งแรกที่มาแจ้งความก่อนคดีจะเงียบนั้น แม่และเด็กถูกเรียกเข้าห้องสอบสวน และให้ข้อมูลหลักฐานต่างๆ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนในครั้งแรกสืบทราบแล้วว่าผู้ก่อเหตุมีทั้งหมด 7 คน จากนั้นคดีก็เงียบไปจนต้องออกมาร้องให้ทางเพจเรื่องจริงนครนายก (มูลนิธิองค์กรทำดี) นั้นช่วยติดตามคดี


ขณะทีมช่วยเหลือของ ดร.บุ๋ม ปนัดดา กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่แหล่งข่าวว่า ตามกฎหมายเกี่ยวกับเด็กนั้น ยิ่งโดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับเพศ เมื่อแจ้งความเด็กจะได้รับการคุ้มครองโดยทันที และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องแจ้ง นักสหวิชาชีพ และอัยการ เข้าร่วมสอบสวนในทันที และคดีเกี่ยวกับเด็กเยาวชนไม่สามารถลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานอย่างเดียวได้ แต่จะต้องเร่งดำเนินคดีตามกฏหมายอาญาในทันที


ซึ่งกรณีนี้แปลกมากที่เจ้าหน้าที่ตอบว่าในครั้งแรกแม่เด็กลงบันทึกประจำวันไว้เฉยๆ ซึ่งแม่เด็กยืนยันว่าถูกชุดสืบสวนสอบสวนจนทราบผู้ก่อเหตุแล้ว 7 คน ก่อนคดีจะเงียบหายไป ในส่วนของเด็กนั้นมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ไม่อยากไปโรงเรียน มีอาการซึมเศร้า ซ้ำหนักเด็กมีพี่น้อง ที่เกิดห่างกันเพียงหัวปีท้ายปี หน้าเหมือนกัน ได้รับผลกระทบอย่างหนักทั้งคู่ ซึ่งตำรวจยังไม่ชี้แจงหรือให้ข้อมูลขั้นตอนการปฏิบัติงานใดๆ กับทีมช่วยเหลือของ ดร.บุ๋ม ปนัดดา และผู้สื่อข่าวที่มารอติดตามข้อมูล

ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/PIe8SwkRRVg