สังคม

‘นิ่ม’ ยันคดีเด็ก 8 เดือน ไม่เกี่ยว ‘นายนัน’ ผู้ต้องหาลักเด็กจาก รพ. ด้าน ‘แม่นายนัน’ เผยลูกป่วยจิต แต่ไม่ยอมรักษา

โดย nattachat_c

15 ส.ค. 2566

236 views

จากกรณี ตำรวจ สภ.บางเลน จ.นครปฐม เข้าช่วยเหลือเด็กทารกชาย อายุเพียง 2 วัน จาก นายนันทจักษ์ ศิลป์เสริฐ (นัน) อายุ 42 ปี สาวประเภทสอง ที่กล้องวงจรปิดของทางโรงพยาบาล สามารถบันทึกเหตุการณ์ที่สาวสองรายนี้ มีการพาเด็กทารกออกจาก รพ.บางเลน


เจ้าหน้าที่ติดตามจนสามารถจับกุมตัวสาวประเภทสองรายนี้ ได้ภายในบ้านพักพร้อมกับตัวเด็กทารก ซึ่งบ้านอยู่ตรงข้ามบ้านของ น.ส.นิ่ม แม่น้องต่อ ด.ช.วัย 8 เดือน ที่สูญหายไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จนมีการตั้งข้อสงสัยถึงความเชื่อมโยงในคดีนี้

-------------

ล่าสุด ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดภายในบ้านของผู้ต้องหา ในวันที่ 13 ส.ค. เวลาประมาณ 11.23 น. เป็นเหตุการณ์ที่ครอบครัวของผู้ต้องหา ทราบข่าวว่านายนายนันทจักษ์ ลักพาตัวเด็กทารกมาที่บ้าน


โดย ญาติพยายามสอบถาม และบอกให้เอาเด็กไปคืน ไม่งั้นตำรวจมาบ้าน ก่อนที่นายนันทจักษ์ จะเดินเข้าไปในห้องนอน อุ้มเด็กยื่นให้กับแม่ตนเอง โดยเด็กร้องไห้ดังลั่น

-------------

ขณะที่ วานนี้ (14 ส.ค. 66) ตำรวจ สภ.บางเลน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้ควบคุมตัวนายนันทจักษ์ ไปตรวจค้นบ้านพักเพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมในการขยายผล หลังพบข้อมูลผู้ต้องหา มีสมุดบัญชีจำนวนหลายเล่ม พบว่า มีเงินโอนเข้าบัญชี 6 หมื่น วันที่น้องต่อหายตัวไป ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า จะมีความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือไม่ และภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือ ปรากฏภาพของ น้องต่อ ด.ช.วัย 8 เดือน ร่วมอยู่ด้วย


ระหว่างนั้น ทีมข่าวพยายามสอบถาม นายนันทจักษ์ เรื่องสมุดบัญชีธนาคาร และกรณี พบรูปของน้องน้องต่อวัย 8 เดือน และภาพเด็กจำนวนมาก ในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา


แต่เจ้าตัวยังคงยืนยันว่า ตนเองตั้งใจจะเอาเด็กมา แต่ที่เอามาเพราะคิดว่าเป็นลูกของแฟนเก่า ในวันเกิดเหตุ ไม่ได้มีการเตรียมตัว แต่เดินไปเรื่อย ๆ อยากขอโทษครอบครัวของเด็ก ที่ตนได้ทำลงไป


ส่วนเรื่องคดีน้องต่อ ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องรูปของเด็ก มาจากการที่ตนเองเป็นคนรักเด็ก และเปิดดูตามเว็บตามลิงก์ต่าง ๆ รวมถึงรูปของน้องต่อก็มาจากภายหลังที่เกิดเป็นข่าว และตนเองไปเปิดรูปดูตามเว็บรูป ก็เซฟเก็บไว้ในโทรศัพท์ของตนเอง


เรื่อง QR Code เป็น QR Code จากกองทุนต่าง ๆ ของทางธนาคาร ที่ตนเองเคยสมัครไว้ และมีการส่งลิงก์มาว่า หากทำการสแกน และทำตามขั้นตอน จะได้รับเงิน แต่ตนเองทำไม่เป็น จึงไม่เคยได้รับเงินใด ๆ ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ หรือการทารุณกรรมเด็ก เพราะการนำเด็กทารกมา ก็เป็นการนำมาเพื่อต้องการเลี้ยงดู ไม่ใช่นำมาก่อเหตุไม่ดี ส่วนเด็กทารกที่นำมาจากโรงพยาบาลบางเลน มีอาการบาดเจ็บ น่าจะมาจากการที่ตนเองขี่รถกลับบ้าน และมีการกระแทก

-------------

ด้าน แม่ของผู้ต้องหา เผยว่า ปกติครอบครัวไม่ค่อยได้พูดคุยกับลูกชายคนนี้มากนัก เนื่องจากเป็นคนเก็บตัว มีภาวะเครียดจากการที่ไม่ได้ทำงาน จึงไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในห้อง ตนเองในฐานะของแม่ของผู้ก่อเหตุ จึงอยากขอโทษครอบครัวของเด็ก ที่ลูกชายไปขโมยเด็กมา


ทางครอบครัวเคยมีการพยายามจะพาลูกชายไปรับการรักษาอาการเบาหวาน และอาการโรคซึมเศร้าที่ครอบครัวสงสัย แต่ลูกชายไม่ยอมไป เก็บตัวอยู่ในห้องเพียงลำพัง ซึ่งทางครอบครัวก็สังเกตถึงพฤติกรรมแปลก ๆ และการเก็บข้าวของไร้สาระ เช่น แปรงล้างขวดนม สบู่ หรืออุปกรณ์ไร้สาระต่าง ๆ เอาไว้ภายในห้อง เป็นจำนวนมาก


อย่างไรก็ตาม ชุดทำคดี ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่สรุปว่าเชื่อมโยงกับคดีน้องต่อหรือไม่ ต้องรอผลพิสูจน์หลักฐาน กับผลสอบทั้งหมดสาเหตุหลัก ๆ


ตอนนี้ เคสขโมยเด็กแรกเกิด ตำรวจตั้งประเด็นไว้ 1.ป่วยจิต 2.ค้ามนุษย์ ผู้ก่อเหตุเดินเข้าโรงพยาบาล เอาเด็กยัดใส่ถุงกระเป๋าแบบหิ้ว แล้วขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ระยะทาง30 กิโลเมตร หิ้วถุงใส่เด็กตรงแฮนด์ น้องตาซ้ายบวมเพราะหน้ากระแทก บางช่วงขาดอากาศหายใจ

-------------

วานนี้ (14 ส.ค. 66) ทีมข่าวลงพื้นที่ไปพบ นางสาวนิ่ม อายุ 17 ปี แม่ของน้องต่อวัย 8 เดือน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ต.บางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง


เหตุจาก นายนัน บ้านอยู่ตรงข้ามบ้านของ นางสาวนิ่ม และนายพุด และก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า สาเหตุที่นางสาวนิ่มรับสารภาพ เพื่อให้เรื่องจบ ๆ ไป


ด้าน นางสาวนิ่ม ยืนยันว่า กรณีดังกล่าว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีน้องต่อแน่นอน ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า เป็นคนทำน้องต่อเสียชีวิต และเอาร่างไปโยนทิ้งน้ำ อีกทั้ง ตนเองไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัวกับนายนัน และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวดัน ต่างคนต่างใช้ชีวิต


ผู้สื่อข่าวถามว่า หากตรวจสอบ แล้วพบเส้นทางการเงินไปเชื่อมโยงกับชายก่อเหตุขโมยทารกจะทำยังไง

นางสาวนิ่ม ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยมีการโอนเงิน หรือเกี่ยวข้องกับทางการเงินกับผู้ต้องหา ยืนยันว่า คดีน้องต่อ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแล้ว ตนให้การตำรวจ และอัยการไปหมดแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาขโมยทารกเด็กแน่นอน


ส่วนเรื่องของเส้นทางการเงินนั้น ตนให้ตำรวจตรวจสอบไปก่อนหน้านี้แล้ว

ยืนยันว่า ไม่เคยโอนเงินให้กันกับนายนัน ซึ่งหากตำรวจยังมีข้อสงสัย ก็พร้อมให้ตรวจสอบอีกครั้ง


ส่วนนายพุด ที่ขณะนี้อยู่ในเรือนจำนั้น ตนไม่รู้จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หากมีการโอนเงิน ก็อาจจะเป็นเรื่องการโอนเงินซื้อของกันเท่านั้น


สำหรับประเด็นที่พ่อออกมาพูดว่า สาเหตุที่นิ่มรับสารภาพไป เพราะอยากให้เรื่องจบ

ยืนยันว่า พ่อพูดด้วยอาการมึนเมา จึงตอบไปแบบนั้น พอมาถามตอนเช้า พ่อไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง เนื่องจากเมาจนจำไม่ได้


ทั้งนี้ น.ส.นิ่ม ยอมรับว่าตอนแรกที่ดูข่าวก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอไปดูรูปดี ๆ ก็คล้ายกับคนที่อยู่ตรงข้ามบ้าน ก็รู้สึกตกใจ และไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนั้น เพราะเหมือนคนปกติทั่วไป และเจอครั้งสุดท้าย ก่อนเกิดเรื่องดังกล่าว


ขณะเดียวกัน พ.ต.อ. พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พร้อมกับ มูลนิธิ วิน วิน ได้มาสอบถามข้อมูลจากนางสาวนิ่ม


โดยนางสาวนิ่ม เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจ สภ.บางเลน เพื่อให้ข้อมูลอีกครั้ง กรณีการหายตัวไปของน้องต่อ เพื่อใช้ประกอบสำนวนในคดี ที่นายนัน ขโมยเด็กชายวัย 2 วัน

-----------

วานนี้ (14 ส.ค. 66) นพ.กมลลักษณ์ จินดาไตรรัตน์ ผอ.รพ.บางเลน กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว ทางโรงพยาบาลขออภัย และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากทางโรงพยาบาลได้มีมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่คาดว่า คนร้ายน่าจะเคยมาดูลาดเลาไว้ก่อนหน้านี้ จึงรู้ทางหลบหลีกเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี


หลังจากเกิดเหตุเด็กหาย ทางโรงพยาบาลแจ้งตำรวจ สภ.บางเลน ทันที และเร่งติดตามจากกล้องวงจรปิด จนสามารถจับตัวคนร้ายและเด็กมา


ส่วนอาการของเด็กน้อยตอนนี้ หลังจากผู้ต้องหาซื้อนมกล่องให้เด็กกิน ทำให้เด็กท้องเสีย ต้องให้ยาฆ่าเชื้อ 5 วัน และ ให้สารอาหารแบบน้ำ คงต้องใช้เวลาหลายวัน และ ให้แม่ปั๊มนมมาส่ง รอดูจนกว่าจะแข็งแรง


หลังจากเกิดเหตุ และได้รับตัวเด็กกลับมา ทางแพทย์ได้พูดคุยกับพ่อของแม่เด็กแล้ว โดยมีทีมสุขภาพจิตลงพูดคุย พ่อแม่เด็กก็อาการดีขึ้น สงบลงจากวันแรก


ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า เพราะอะไรคนร้ายจึงมาอุ้มเด็กไปได้ ขอสงวนไว้ก่อน เนื่องจากต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงาน


ในส่วนของห้องคลอด และห้องฉุกเฉิน จะมีลักษณะที่คล้ายกัน ที่จะมีทีมแพทย์และคนไข้ พร้อมเข้าออกตลอดเวลา ขณะที่ คนร้ายสามารถเดินได้อย่างชำนาญและรู้เส้นทางเข้าออกเป็นอย่างดี เช่น ตอนเข้ามาในห้องคลอด เดินเข้าด้านหน้า แต่หลังจากที่เข้าไปอุ้มเด็กแล้ว เดินออกอีกเส้นทางหนึ่ง อ้อมไปทางด้านหลัง จากนี้ คงต้องเพิ่มมาตรการ และบางจุดเข้าออก เพื่อเพิ่มความรัดกุมมากกว่าเดิม


อยากฝากถึงผู้ที่มาใช้บริการ ถ้ามีข้อเสนอแนะ สามารถแจ้งทาง รพ.บางเลน ได้ ยินดีรับฟัง และพร้อมปรับปรุง

-------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/3gbHiaety3E


คุณอาจสนใจ

Related News