เปิดเบื้องหลังหลักฐานเชื่อมโยง 11 คดี มัดตัว 'แอม' ผู้ต้องหา วางยาฆาตกรรม

การเสียชีวิตอย่างมีพิรุธของเหยื่อ ที่เมื่อญาติเห็นสภาพศพต่างสงสัยว่า ทั้งปาก และผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีดำ จึงเชื่อว่าน่าจะถูกวางยา จากคนใกล้ชิดที่อยู่ด้วยกันก่อนเสียชีวิต เมื่อญาติ น.ส.ศิริพร หรือน้อยก้อย อายุ 32 ปี เพิ่งเสียชีวิตเป็นรายล่าสุด

ตำรวจกองกำกับการ 5 กองปราบปรามซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้หาความกระจ่างในข้อพิรุธที่ญาติตั้งข้อสงสัยว่าถูกวางยา ข้อพิรุธที่กองปราบปรามได้มาเป็นการหาพยานหลักฐานแบบพลิกแผ่นดิน กระทั่งไปพบกับเยาวชนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในอาการหวาดกลัว


โดยเยาวชนกลุ่มนี้พบเจอกับ น.ส.สลารัตน์ หรือแอม ได้ว่าจ้างให้นำถุงดำไปฝังริมคลอง แต่ให้เก็บหลอดยาไว้ เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปว่าเกิดการฆาตกรรมต่อเนื่อง จึงเปลี่ยนใจให้ไปนำถุงดำพร้อมหลอดยากลับมา เพื่อจะนำไปจัดการเอง แต่เมื่อผู้เสียหายเริ่มมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง น.ส.แอม ได้แชท อีกทั้งโทรศัพท์ไปหาเพื่อนัดไปกินข้าว แต่ไม่มีใครกล้าไปเพราะกลัวว่าจะถูกฆ่าปิดปาก


เมื่อตำรวจกองปราบพบถุงดำ พบว่ามีทรัพย์สินของคนตายบางส่วนทั้งกรอบทะเบียนรถยนต์ กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ และที่สำคัญพบหลอดยาต้องสงสัย จึงได้ส่งตรวจพิสูจน์หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบกับตรวจสารพิษในตัวผู้ตาย


ในที่สุดผลตรวจชันสูตรศพผู้เสียชีวิตรายล่าสุด จากแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ พบสารพิษไซยาไนด์ในปริมาณสูง จึงเป็นหลักฐานสำคัญในการออกหมายจับ น.ส.สรารัตน์ หรือ แอม เมื่อสายของวันนี้ ขณะที่น.ส.แอม เดินทางไปร้องเรียนกรรมการสิทธิมนุษยชนสองวันติดต่อกันว่าถูกละเมิดสิทธิ ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องนับสิบศพ


พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก5 กองปราบปราม กล่าวถึงพฤติกรรมของผู้ต้องหาว่า ยังให้การปฏิเสธในข้อกล่าวหาโดยบอกว่าตั้งครรภ์ได้ 4 เดือนครึ่ง แต่จากการสืบสวนหาพยานหลักฐานพบพฤติกรรมของ น.ส.แอม มักจะตั้งวงแชร์ อยู่ชวนเพื่อนฝูง รวมทั้งเพื่อนตำรวจร่วมลงทุน เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งก็จะนัดพาไปทำบุญ และหมดสติ เสียชีวิตกะทันหัน


จากการลงสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ขณะ น.ส.แอม พาผู้เสียชีวิต ขณะไปทำบุญและเกิดอาการช็อก พ.ต.ต.หญิง ซึ่งถูกชักชวนไปทำบุญที่พระปฐมเจดีย์ ผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า เป็นลมล้มลงกะทันหัน เช่นเดียวกับ น.ส.กะณิกา ที่จู่ๆก็ล้มลงชักเกร็ง ที่ปั๊มน้ำมัน หลังดื่มกาแฟ และไปกับ นส.แอม


สอดคล้องกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รพ.รามาธิบดี ระบุว่า สารไซยาไนด์ เป็นสารพิษสังหาร ที่เข้าสู่ร่างกายช่วงแรกจะกระตุ้นศูนย์ควบคุมการหายใจ หลังได้รับสารพิษเพียง 12-15 วินาที ผู้ป่วยจะไม่สามารถหายใจได้ เป็นสารพิษที่อันตรายที่สุด คนที่กิน 100-200 มิลลิกรัม เสียชีวิตได้ในไม่กี่นาที ออกฤทธิ์โดยการหยุดทำงานของเซลล์ เมื่อได้รับสารเพียงเล็กน้อยก็เสียชีวิตได้


ซึ่งการเสียชีวิตแต่ละรายเมื่อดูไทม์ไลน์ พบว่าถูกผู้ต้องหาพาไปแวะปั๊มน้ำมัน ซื้อให้ดื่มกิน หรือพาไปเลี้ยงสังสรรค์ตอนเที่ยง ก็กลับมาเสียชีวิตในช่วงบ่าย โดย น.ส.แอม มีประวัติเคยทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ทำให้มีความรู้ในสารพิษพอสมควร