อาชญากรรม

เปิดกล้องจับพิรุธ-ไล่ไทม์ไลน์ 'ก้อย' วูบดับ 'แอม' ไม่ช่วย ซ้ำสลับมือถือ หลังตายยังเนียนถามหากับญาติ

โดย nattachat_c

26 เม.ย. 2566

1.2K views

จากกรณี การเสียชีวิตของนางสาวศิริพร ขันวงษ์ หรือ 'ก้อย' วัย 32 ปี โดยพบว่าเป็นลมหมดสติและเสียชีวิต ซึ่งทางครอบครัวติดใจในการเสียชีวิต จึงเข้าร้องเรียนกับตำรวจสอบสวนกลาง 


ต่อมา จึงได้มีการเปิดปฏิบัติการในการสืบสวน โดยการออกหมายจับ และได้ผลชันสูตรของน้องก้อย ว่า พบ 'สารไซยาไนด์' ในร่างกาย 


วานนี้ (25 เม.ย. 66) ช่วงเช้า ตำรวจกองกำกับการ 5 กองปราบปราม เข้าควบคุมตัวนางสาวสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ 'แอม' (ผู้ต้องหา) ได้ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ซึ่งขณะที่ตำรวจกองปราบปรามแสดงหมายจับ เข้าจับกุมนั้น นางสาวแอมอยู่ในชุดคลุมท้องสีชมพู มีอาการเคร่งเครียด และพยายามบอกตำรวจว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุตามหมายจับที่ตำรวจนำมาแสดง และขอรอพบทนายความก่อน จึงจะไปพร้อมกับตำรวจ


ทั้งนี้ ตำรวจกองปราบปรามได้แสดงหมายจับกุมในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” กรณีการเสียชีวิตของน้องก้อย โดยตำรวจพบหลักฐานสำคัญที่ทำให้ศาลอนุมัติหมายจับ คือ ผลตรวจชันสูตรศพน้อง พบสารพิษไซยาไนด์ในร่างกาย ซึ่งสารนี้ทำให้เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน


หลังจากนั้น ในช่วงบ่าย ตำรวจกองปราบปรามได้ควบคุมตัวนางสาวแอมมาสอบปากคำที่สโมสรตำรวจ โดยมีตำรวจกองปราบปราม 5 นาย ควบคุมตัวมา และเข้าที่บริเวณด้านหลังห้องประชุม จากนั้นนำตัวเข้าห้องสอบสวนทันที


สื่อมวลชน พยายามจะสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนางสาวแอมอ้างว่า ขอใช้สิทธิ์ความเป็นส่วนตัว ไม่ขอพบนักข่าว


จากนั้น คุณธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ (ทนายความ) ก็เดินทางเข้าพบ นางสาวแอม

-------------

คดีนี้ 'บิ๊กโจ๊ก' พลตำรวจเอกสรุเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นผู้สอบปากคำด้วยตัวเอง จากนั้นก็เรียกพนักงานสอบสวนหลายพื้นที่ เป็นพื้นที่ต้องสงสัยในการเสียชีวิตของบุคคลที่มีนางสาวแอมเกี่ยวข้อง เข้าไปสอบปากคำ


นางสาวแอมให้การปฏิเสธ ไม่ได้ก่อเหตุตามที่ ตร.แจ้งข้อหา แต่ยอมรับว่า รู้จักกับผู้เสียชีวิต ทุกคน โดยช่วงบ่าย ตำรวจมีข้อมูลว่า ผู้เสียชีวิตมีจำนวน 8-9 ราย แต่ช่วงเย็นพบว่า มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 10 ราย


ตำรวจใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 40 นาที ก็ควบคุมตัวนางสาวแอมออกจากสโมสรตำรวจ ไปสอบปากคำที่กองปราบปราม


โดยช่วงที่นางสาวแอมเดินออกมา นักข่าวพยายามถามว่าอยากจะพูดอะไรกับสังคม และครอบครัวก้อยบ้างมั้ย แต่แอมไม่ตอบคำถามใดๆ และตำรวจขอความร่วมมือให้ระวัง เพราะผู้ต้องหาตั้งครรภ์อยู่

-------------

สำหรับเคสของน้องก้อย ซึ่งเป็นเคสที่เริ่มต้นไปสู่การจับกุมนางสาวแอม มีไทม์ไลน์ ดังนี้


น้องก้อยกับนางสาวแอม ไปปล่อยปลาที่ท่าน้ำ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ก่อนจะพบว่า น้องก้อยเป็นลมหมดสติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา


วันที่ 14 เมษายน 2566 กล้องวงจรปิดจับภาพน้องก้อยขับรถสีขาวมาจอด แล้วลงจากรถไปขึ้นรถของนางสาวแอม


กล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ จับภาพน้องก้อยกับนางสาวแอมเดินทางมาปล่อยปลา โดยทั้ง 2 คนได้ขับรถเก๋ง สีบรอนซ์เงิน (รถของนางสาวแอม) มาจอดบริเวณริมน้ำศาลาประชาคม แล้วเดินลงจากรถคันดังกล่าว


น้องก้อยเดินถือถุงปลา จำนวน 2 ถุง เพื่อที่จะไปปล่อยปลาบริเวณริมน้ำบ้านโป่ง (ศาลาประชาคม) ส่วนนางสาวแอมข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง ชำเลืองตามองไปที่ท่าน้ำเป็นระยะๆ เดินวนไปมา โดยที่ไม่ได้ไปห้องน้ำ ซึ่งทนายความอ้างว่า นางสาวแอมจะเข้าห้องน้ำ แต่หาห้องน้ำไม่เจอ


น้องก้อยได้เดินลงไปที่ท่าน้ำเพื่อให้อาหารปลา ส่วนนางสาวแอมได้เดินไปที่รถ มองที่ท่าน้ำ ก่อนที่จะเข้าไปในรถ หยิบสิ่งของ แล้วลงไปที่ท่าน้ำ ต่อมาก็เดินขึ้นมาจากท่าน้ำ พร้อมถือมือไอโฟน 14 มาด้วย (ตรวจสอบพบภายหลังว่าเป็นมือถือของน้องก้อย) (แต่ทนายความปฏิเสธ)


ผ่านไปไม่นาน น้องก้อยได้หมดสติและล้มลง คนที่ปล่อยปลาใกล้เคียงได้ช่วยเหลือ นำตัวน้องก้อยมานอนพักที่ท่าน้ำ แต่นางสาวแอมเดินไปมาแบบไม่สนใจ และยังชำเลืองมองไปที่ท่าน้ำอีกด้วย


หลังจากนั้น นางสาวแอมก็เดินไปที่รถ และวขับรถคันดังกล่าวออกไปทันที พร้อมกับทรัพย์สินของน้องก้อย ไม่ว่าจะเป็น มือถือ กระเป๋าแบรนด์เนม เงินสดกว่าห้าหมื่น มูลค่ารวมกว่า 1 แสนบาท 

-------------

ในวันเกิดเหตุสลดของน้องก้อยนั้น ครอบครัวของน้อยก้อยไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่า ได้ไปให้อาหารปลากับนางสาวแอม จนกระทั่งครอบครัวไปหากล้องวงจรปิดเอง และจำไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่าคนในภาพคือนางสาวแอม เพราะหน้าตาเปลี่ยนไปมาก จนกระทั่งตำรวจโทรมาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคือนางสาวแอม แถมนางสาวแอมยังโทรมาถามด้วยความห่วงใยด้วยซ้ำไป ครอบครัวเลยสงสัยเข้าไปอีกว่าทำไมนางสาวแอมถึงไม่บอกอะไรเลย 


น.ส.นิภาวรรณ ขันวงษ์ หรือคุณส้ม (พี่สาวของน้องก้อย) เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ พยายามติดต่อน้อง แต่ติดไม่ได้ จนกระทั่งบ่าย 2 เลยโพสต์หาน้อง เพื่อนในเฟซส่งรูปโพสต์หาญาติมาให้ดู พอดูรูปก็ตกใจ (ภาพที่เสียชีวิตแล้วที่ รพ.) ได้ส่งรูปไปให้นางสาวแอมว่า "น้องก้อยเสียแล้ว" นางสาวแอมพิมพ์ตอบมาว่า "เฮ้ย จริงเหรอ จริงป่าว"


คุณส้ม เล่าย้ำว่า น้องก้อยยืมรถเพื่อนไป เขาบอกว่าจะไปหานางสาวแอม เลยโทรหานางสาวแอม ว่าน้องเราอยู่กับนางสาวแอมมั้ย เขาบอกว่าไม่ได้อยู่ อยู่อยุธยา 


วันที่ 14-15-16 นางสาวแอมโทรหาตลอด เราไม่เคยคิดว่าเขาจะเกี่ยวอะไรเลย หลังจากที่เจอรถเราก็ไม่คุยแล้ว สภาพศพน้อง คางเขียวช้ำ เล็บ ดำ เราปักใจเชื่อว่าน้องเราโดนวางยา


หลังจากเกิดเรื่อง เขายังติดต่อมาหาตนตลอด ทำทีเหมือนติดตามข่าวอย่างห่วงใย ต่อมามีภาพวงจรปิดปรากฎออกมาขณะเกิดเหตุ ตอนที่ก้อยล้มลงหมดสติ มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาชะโงกดู ไม่ได้ให้การช่วยเหลือ ก่อนจะเดินหนีไป มาทราบภายหลังว่าคนในภาพนั้นก็คือนางสาวแอม


“อยากพูดถึงแอมความจริงก็คือความจริง คุณทำอะไรไว้เวรกรรมมีจริง เรามั่นใจในหลักฐาน ทุกคำพูดที่ทนายความของแอมพูดตนคาใจทุกคำ ไม่สอดคล้องกับการกระทำของแอม ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของตำรวจ


ถ้าได้คุยกับแอม อยากบอกให้สำนึกผิด นี่ไม่สำนึกผิดอะไรเลย ตอนนี้ตนยังไม่เป็นเอกสารผลชันสูตร ที่ระบุว่าพบสารแปลกปลอมในร่างกายของน้องสาว ส่วนมูลเหตุที่ทำให้ก้อยเสียชีวิตรวมถึงเคสอื่น ๆ น่าจะเกี่ยวกับเรื่องเงินและทรัพย์สิน”

-------------

ด้าน นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ช่วยเหลือเรื่องคดีความฝั่งครอบครัวน้องก้อย เปิดเผยว่า


เย็นวันที่ 16 ได้พบรถยาริส (สีขาว) ของน้องก้อยขับออกจากบ้าน แล้วสับเปลี่ยนรถกับแอมที่มารับออกไป พอรู้ว่าจอดหน้าบ้านข้าราชการตำรวจกาญจบุรี มีคนให้ข้อมูลว่ารู้จักกับแอม


เลยโทรหาคนชื่อแอมว่าได้มารับก้อยไปไหม ซึ่งเขาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้มารับ พอตอนหลังมายอมรับ ตำรวจจึงเรียกคนชื่อแอม เข้าไปสอบสวน และยึดรถแอม (วีออส สีบรอนซ์) มาตรวจสอบ (ซึ่งเป็นคันที่แอมพาก้อยขับไปทำบุญปล่อยปลา) ระหว่างทางที่ขับรถมีการแวะซื้อเครื่องดื่ม ซึ่งยังไม่รู้ว่าใครลงไปซื้อเครื่องดื่ม


ภายหลังแอมติดต่อมาหา เพราะรู้ว่าผมตามหารถอยู่ เขามายอมรับว่าคนที่มารับน้องก้อยเป็นเขา ผมเลยบอกให้เขาเอาทรัพย์สินของก้อย จะมีกระเป๋าแบรนด์เนม เงิน 4-5 หมื่นบาท โทรศัพท์ 2 เครื่อง เอามาคืน


แอมยังปฏิเสธ อ้างว่าขาไปเอาขึ้นรถไปจริง แต่อ้างว่าไปแวะข้างทาง ซึ่งเป็นบ้านเพื่อนก้อย แล้วเอาไปฝากไว้ เขาบอกว่าทรัพย์สินตรงนี้ไม่มี แต่สุดท้าย เขายอมรับเอาไปแล้วทิ้ง


ส่วนสาเหตุที่เขาไม่อยู่ช่วยเหลือ เพราะไม่อยากยุ่ง เพราะน้องก้อยได้กำชับเอาไว้ว่า ไม่ให้บอกใครว่ามากับใคร และมาทำอะไร และรถที่ขับไป (วีออส) อ้างว่าเป็นรถที่ไม่ถูกต้อง


ตอนที่ก้อยล้มลง แอมได้เดินไปหยิบโทรศัพท์ของก้อยมา และ เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมของเขาเอาไว้ข้างก้อย แล้วขึ้นมาโทรศัพท์ของก้อยหายไป ญาติก็สงสัยว่าทำไมเอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมไว้กับศพ


ในรายการโหนกระแส ทนายของนางสาวแอมบอกว่า ที่นางสาวแอมถือขึ้นมาไม่ใช่มือถือของน้องก้อย ส่วนมือถือของน้องก้อย ตำรวจต้องตามไปเอง
-------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/2KQN_xQ4beU


คุณอาจสนใจ

Related News