เปิดพิรุธ 5 ศพตายปริศนา โยง 'นางสาว อ.' เจ้าตัวเปิดใจที่แรก อ้างไม่ช่วย 'ก้อย' เพราะท้องวิ่งเร็วไม่ได้

ครอบครัวน้องก้อยสาวปล่อยปลาแล้วกลายเป็นศพ ร้องบิ๊กโจ๊ก ช่วยคลี่คลายคดี เชื่อถูกวางแผนฆาตกรรม ลือสะพัดพบผลตรวจร่างกายมีสารพิษบางอย่างอย่างในร่างกาย รอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาแถลง ขณะที่ผู้เสียชีวิต สงสัยมีนางสาว อ.เกี่ยว 5 ราย

ยังคงเป็นคดีปริศนา กรณีการเสียชีวิตของนางสาวศิริพร ขันวงษ์ อายุ 32 ปี หรือก้อย ซึ่งเดินทางไปปล่อยปลาที่ท่าน้ำอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พร้อมกับนางสาว อ. เพื่อนสนิท จนต่อมาพบว่า น้องก้อยเป็นลมวูบแล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะที่นางสาว อ. กล้องวงจรปิดจับภาพได้มีท่าทีลุกลี้ลุกลน และไม่ให้การช่วยเหลือนางสาวก้อย ซึ่งเป็นเพื่อนที่มาด้วยกัน แต่กลับมีการสลับโทรศัพท์มือถือของน้องก้อยผู้เสียชีวิต และนำโทรศัพท์ที่ไม่ใส่ซิมวางไว้ข้างร่างของน้องก้อย ทำให้ไม่สามารถติดต่อญาติหรือผู้ใดได้ ก่อนที่นางสาว อ. จะขับรถออกไปจากจุดเกิดเหตุ พร้อมทรัพย์สินของนางสาวก้อย ทั้งกระเป๋าแบรนด์เนม เงินสดโทรศัพท์มือถือรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท

โดยอ้างว่า ที่ต้องรีบออกไปจากจุดนั้นเนื่องจากต้องรีบไปทำธุระในพื้นที่ต่างจังหวัด จึงเข้าใจว่าเพื่อนแค่เป็นลม ไม่คิดว่าจะเสียชีวิต แต่ทางญาติกับติดใจ เพราะนางสาว อ. รู้มาตั้งแต่แรกว่า นางสาวก้อยเสียชีวิต แต่กลับโกหกญาติพี่น้อง ไม่บอกความจริงตั้งแต่แรก ซ้ำยังตีเนียนทำเป็นห่วงใยสอบถามข้อมูลตลอด จนกระทั่งพบกล้องวงจรปิดและพบพิรุธ

เรื่องนี้กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนของสังคม เพราะเกิดความสงสัยว่าเหตุใด นางสาวก้อยถึงเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติป่วยด้วยโรคหัวใจ รวมไปถึงอาการท่าทางก่อนที่จะลงไปปล่อยปลา ก็ไม่ได้มีท่าทีอิดโรยหรือลักษณะคล้ายคนป่วย

วานนี้ ญาติของนางสาวก้อย เดินทางมาที่สโมสรตำรวจเพื่อขอเข้าพบพลตำรวจเอกสุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นเอกสารหลักฐานต่างๆและขอให้ตำรวจส่วนกลางเข้าไปช่วงช่วยคลี่คลายคดีนี้ เพราะเชื่อว่าการเสียชีวิตของนางสาวก้อยไม่ใช่การเสียชีวิตจากโรค แต่เป็นการถูกฆาตกรรม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รับหนังสือ พร้อมเปิดเผยว่า ตนได้รับทราบเรื่องนี้ในเบื้องต้นแล้ว ก็เกิดความสงสัยในหลายประเด็นจากการที่ดูข่าวและกล้องวงจรปิดที่สื่อมวลชนนำเสนอจึงเรียก ผกก.สภ.บ้านโป่ง และรองผู้บังคับการฯ ดูแลงานด้านการสืบสวน จ.ราชบุรี เข้ามาสอบถามแล้ว  

ซึ่งในคดีนี้มีหลายส่วนที่เป็นข้อพิรุธ และยังพบความเชื่อมโยงว่าอาจมีหลายคดีที่มีลักษณะการเสียชีวิตคล้ายกันและมีผู้เกี่ยวข้องคนเดียวกันอยู่ในเหตุการณ์ จึงสั่งชุดทำงานเริ่มตรวจสอบ ตั้งแต่แรก ร่วมถึงคดีเก่าๆด้วย แต่อันดับแรกต้องตั้งหลักที่สาเหตุการเสียชีวิตของน้องก้อยก่อน จากการชันสูตรพลิกศพ ว่าการเสียชีวิต เกิดจากสารพิษหรือไม่  

ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องสงสัย มีอดีตสามีเป็นถึงรอง ผกก.สภ.บ้านโป่งนั้น ทางญาติไม่ต้องกังวลใจ เพราะตนจะไล่ดูสำนวน และคดีทั้งหมด โดยจะมีการจัดชุดทำงานของตนลงไปดูในพื้นที่ด้วย ดังนั้นไม่ต้องเป็นหวงหรือกังวลในจุดนี้  

ส่วนเรื่องสารพิษ หรือสารเคมี ที่สามารถทำให้คนปกติ ที่ไม่มีโรคประจำตัวเสียชีวิตด้วยสาเหตุหัวใจวาย เฉียบพลัน ต้องบอกว่า จริงๆสารที่ส่งผลให้ร่างกายเป็นแบบนั้นมีอยู่หลายตัว แต่ต้องไปดูอีกทีว่าหากมีการก่อเหตุจริง ผู้ก่อเหตุใช้สารตัวไหน

เบื้องต้นได้รับการประสานมาแล้วมีผู้เสียชีวิต 4 ราย แต่ต้องดูว่าจะมีมาร้องเรียน เพิ่มอีกหรือไม่ ส่วนที่ญาติผู้ตายบางส่วนไม่กล้าเข้ามาให้ข้อมูล ตนอยากให้มั่นใจ เพราะตนเรียกสำนวนมาดูเองแล้วอยากให้เข้ามาให้ข้อมูลกันเยอะ จะได้เป็นประโยชน์ต่อคดี  

อย่างไรก็ตามต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากพบมีการกระทำความผิดจริงก็ต้องถูกดำเนินคดี ทั้งนี้ไม่ใช่แค่ผู้หญิง แต่ร่วมไปถึงผู้เกี่ยวข้องและอดีตสามีตำรวจ หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องโดนเช่นเดียวกัน

-------------------------

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบประวัติผู้เสียชีวิตลักษณะคล้ายกันและมีนางสาวออ รวมอยู่ด้วย 5 ราย  ประกอบด้วย

1.ร้อยตำรวจเอกหญิง กานดา โตไร่ รองสารวัตร ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2565 หลังจากสนิทสนมกับนางสาวออ และร่วมลงทุนเล่นแชร์ โดยร้อยตำรวจเอกหญิงกานดาเป็นคนออกทุนให้

2.ข้าราชการครูรายหนึ่งเสียชีวิตเมื่อเดือนกันยายน 2565 โดยมีรายงานว่า ข้าราชการคนนี้ได้นำทองรูปพรรณน้ำหนักประมาณ 30 บาท ให้กับนางสาว อ. เพื่อนำไปลงทุนทำธุรกิจเงินกู้และแชร์

3.ชายคนสนิท เสียชีวิตที่อุดรธานี เมื่อ 12 มีนาคม 2566 โดยอ้างว่าชวนไปทำบุญแล้ววูบ หัวใจวายเฉียบพลัน ได้เงินจากญาติ ทอง 8 บาท เงินสดจำนวนหนึ่ง พระเครื่อง    

4.พันตำรวจตรีหญิงนิภา หรือสารวัตรปู สารวัตรกองบังคับการอำนวยการตำรวจสอบสวนกลาง เสียชีวิตเมื่อ 1 เมษายน 2566 ขณะชวนไปทำบุญ และเป็นลม เสียชีวิตที่วัดองค์พระ จ.นครปฐม ด้วยอาการ หัวใจวายเฉียบพลัน มีทรัพย์สินสูญหาย

5. นางสาวก้อย เสียชีวิตเมื่อ 14 เมษายน 2566 รู้จักกันมีการเล่นแชร์ ยืมเงิน และชวนไปทำบุญปล่อยปลา ก่อนจะเป็นลมและเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ทรัพย์สินสูญหายกว่าแสนบาท

-----------------------

ครอบครัวน้องก้อย จะไม่เผาศพ จนกว่าจะรู้ความจริง พี่สาวเชื่อน้องถูกฆาตกรรม และพบชายคนสนิทของนางสาวออ ก็เสียชีวิตเหมือนกับน้องสาว และคนสนิทรวม 5 ราย มีอาการเดียวกัน

ทางด้านนางสาวส้มพี่สาวของนางสาวก้อยผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า การเข้ามาร้องเรียนครั้งนี้หวังว่าครอบครัวจะได้รับความเป็นธรรม เพราะเชื่อว่าน้องสาวถูกฆาตกรรม และเกรงกลัวอิทธิพลของนางสาวออ ซึ่งอยู่ในพื้นที่นั้นทุกคนรู้ว่านางสาวอ้อมเป็นอย่างไร อีกทั้งอดีตสามีก็เป็นตำรวจเรื่องสำนวนคดีรวมไปถึงความคืบหน้าต่างๆก็เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมตอนนี้ก็รอผลการตรวจสารพิษในร่างกายน้องสาวให้แน่ชัดก่อน หากยังไม่มีผลที่ชัดเจนก็จะยังไม่ทำพิธีฌาปนกิจ

ส่วนเรื่องนางสาว อ. อ้างนั้นทางครอบครัวคาใจทุกเรื่อง ตั้งแต่การชวนน้องสาวออกจากบ้าน โดยอ้างว่าโดยไม่ให้น้องสาวบอกกับคนในบ้านว่าไปที่ไหน และเมื่อน้องสาวเป็นลม ก็ไม่ช่วยเหลือ จนเสียชีวิต ก็หลอกทางบ้านทำเป็นไม่รู้เรื่อง

โดยวันเกิดเหตุนั้น จากคำให้การของนางสาว อ. บอกกับพนักงานสอบสวนว่า เป็นคนลงไปซื้อเครื่องดื่มน้ำดื่มและปลาที่จะไปปล่อยให้กับน้องสาวของตนเอง

ในมุมของพี่สาวก็คิดว่าในการที่นางสาว อ. นำน้ำดื่มหรือเครื่องดื่มให้กับน้องสาวนั้น มีอะไรผสมอยู่หรือไม่ จึงอยากขอให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องสารพิษมาช่วยตรวจชันสูตรศพน้องสาว เพื่อจะได้เกิดความกระจ่างและความเป็นธรรมกับน้องสาว ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่าการก่อเหตุครั้งนี้ ไม่ได้มีนางสาว อ. คนเดียวที่ก่อเหตุแต่มีบุคคลอื่นรู้เห็นด้วย

----------------------

ครอบครัวผู้กองนุ้ย ตำรวจเมืองกาญจน์ คาใจการเสียชีวิตลูกสาว ช็อกขณะขับรถ ทั้งที่แข็งแรง

ทีมข่าวลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี พูดคุยกับครอบครัวของ ร.ต.อ.หญิง กานดา โตไร่ หรือ ผู้กองนุ้ย ซึ่งเป็นตำรวจหนึ่งในผู้เสียชีวิตที่สงสัยว่าการเสียชีวิตนั้นมีนางสาวออร่วมอยู่ด้วย

คุณแม่ของผู้กองนุ้ย เล่าให้ฟังว่า เหตุเกิดวันที่ 10 ส.ค.65 ประมาณเกือบตี 1 แต่วันที่ 9 ส.ค. ลูกสาวไปเที่ยว โดยบอกว่าไปคนเดียว ประมาณ 17.00 น.โทรมาบอกแม่ ตอนนั้นลูกสาว ถามว่า มีเงินเข้าบัญชีรึยัง แม่เลยบอกว่าเข้ามา 1,000 บาท แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก มารู้ข่าวอีกทีก็เกือบตี 1 แล้วว่าลูกสาวเสียชีวิต

ลูกสาวช็อกขณะขับรถ แม่ก็สงสัยจะช็อกยังไง ตอนนั้นเขากำลังจะกลับบ้าน ไปที่มหาชัยมาไปดูดวงกับ นางสาว อ. หรือ ตอนนั้นแม่ก็แอบคิดว่า จะมีใครเอาอะไรให้ลูกกินหรือเปล่า ถึงได้หมดสติไปง่ายๆ แบบนั้น แต่หมอก็ชี้แจงว่า เส้นเลือดเล็ก ตามใบรับรองการเสียชีวิตไขมันอุดตัน ซึ่งปกติผู้กองนุ้ยก็เป็นคนแข็งแรง

ส่วนสภาพศพ พบว่า ปากมีสีม่วงคล้ำ แต่แม่ก็ไม่ได้สังเกต และที่แม่สงสัยในตอนนั้นอีกอย่างคือ เมมโมรี่การ์ดของกล้องหน้ารถลูกหายไปไหน แม่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยว่าก่อนลูกตาย เกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาแม่คาใจมาตลอด แต่ก็ไม่มีหลักฐาน

ส่วนกับนางสาว อ. ลูกสาวจะเรียกว่าคุณนาย เขาเคยมาที่บ้านหลังงานศพลูก มาคัดรายชื่อลูกแชร์ที่เล่นแชร์ด้วยกัน และก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก เพียงแค่พูดอวดว่า เขาเล่นแชร์เป็นล้านๆเลยนะ ทั้งนี้ แม่ก็ไม่ได้สงสัยว่าจะเป็นนางสาว อ. จะเกี่ยวข้องกับการตายของลูกหรือไม่ แต่หากเป็นเขาทำลูกจริงๆ ก็คงต้องให้ตำรวจดำเนินคดีไป ให้เป็นเรื่องของเวรกรรม

------------------

นางสาว ออ พร้อมทนาย เปิดใจที่แรก ไม่ได้หนีไปไหนแต่ขอรักษาสิทธิ ตามกฎหมาย ยื่นเรื่อง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ยืนยันไม่ได้ทำตามข่าว ที่ไม่ช่วยก้อย เพราะท้องวิ่งและเดินเร็วไม่ได้ ส่วนเหตุผลอื่น จะขอให้ข้อมูลกับพี่ยุทธ์ -น้องไบรท์ เท่านั้น

ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้พยายามประสานไปที่นางสาวออ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยวานนี้ นางสาว อ. อยู่ที่กรุงเทพมหานคร พร้อมกับทนายความ โดยทนายความระบุว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นจะไม่ให้นางสาว ออ ซึ่งเป็นลูกความออกมาให้ข้อมูลใดๆ เพราะขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย และได้มายื่นเรื่องที่สำนักงานสิทธิมนุษย์ชนแห่งชาติ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทนายยืนยันว่า นางสาว อ.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต และได้มีการ สำรวจพื้นที่เกิดเหตุ ไล่เรียงไทม์ไลน์ วันที่เกิดเหตุ

โดยนางสาว อ. ยืนยันกับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ว่า “ข่าวที่ออกมาไม่เป็นความจริง และหลังจากนี้ใครที่ทำให้นางสาว อ.เสียหายก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ที่กระแสสังคมเห็นจากภาพวงจรปิดว่า ตนเองไม่ได้เข้าช่วยเหลือผู้เสียชีวิตนั้นเพราะตนเองตั้งท้องอยู่และไม่สามารถเดินขึ้นลงหรือวิ่งได้อย่างรวดเร็วเหมือนคนปกติ”

หลังเกิดเหตุก็ได้ ไปบอกให้ชาวบ้านเข้าไปช่วย เพราะเข้าใจว่าผู้เสียชีวิตเพียงแค่เป็นลมเท่านั้น จากนั้นก็ขับรถออกไป ส่วนรายละเอียดทั้งหมดนั้นจะไม่ขอให้ใดๆ โดยจะให้ข้อมูลทั้งหมดกับ คุณสรยุทธและคุณไบร์ท พิธีกรเรื่องเล่าเช้านี้เท่านั้น เนื่องจากว่าจะกระทบกับรูปคดี

ทั้งนี้ระหว่างที่ทีมข่าวได้สอบถามทนายความทางโทรศัพท์นั้นนางสาวออ ก็พูดขึ้นมาว่าขอบคุณที่ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ สอบถามและให้ความเป็นธรรม ขอยืนยันว่าข่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริง และตนก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน

ส่วนภาพวงจรปิดที่เห็นว่ามีท่าทางลุกลี้ลุกลนในช่วงที่ผู้เสียชีวิตไปปล่อยปลานั้น นางสาว อ. ให้ข้อมูลว่าช่วงนั้นเธอปวดท้องจะเข้าห้องน้ำ จึงไปสอบถามจากชาวบ้านที่อยู่บริเวณศาลาประชาคม และไม่ได้หายไปไหน เดินไปเข้าห้องน้ำก่อนจะเดินกลับมาก็เห็นว่าผู้เสียชีวิตกำลังปล่อยปลา และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

---------------------------------

แพทย์นิติเวชเผย สารบางชนิดที่สามารถทำให้เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันได้ โดยหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป เชื่อหากผลชันสูตรศพออกมาจะระบุชัดเจน

ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ได้มีการสอบถามแหล่งข่าว ซึ่งเป็นแพทย์นิติเวชท่านหนึ่ง ให้ข้อมูลว่ากรณีการเสียชีวิตจากหัวใจวายเฉียบพลันนั้นมีหลายปัจจัย ซึ่งการชันสูตรศพจะสามารถบ่งบอกได้ชัดเจนหากเป็นผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจอยู่แล้วหรือมีปัจจัยอื่นๆประกอบ

เมื่อถามว่า หากไม่ใช่อาการที่ป่วยจากโรคแล้วมีสารเคมีหรือสารบางชนิดที่สามารถทำให้เกิดอาการหัวใจวายฉับพลันได้หรือไม่ แหล่งข่าวซึ่งเป็นแพทย์นิติเวชยืนยันว่า “มีสารบางอย่างที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้และมีอาการโดยฉับพลันซึ่งไม่สามารถลงรายละเอียดได้ว่าคือสารอะไร”

กรณีการเสียชีวิตของนางสาวก้อยนั้นจะเกิดจากสารพิษหรือไม่ต้องรอผลตรวจชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

โดยสรุปคือหากมีอาการประวัติเกี่ยวกับโรคหัวใจก็อาจจะส่งผลให้เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันได้แต่หากไม่มีและเป็นคนแข็งแรงก็อาจจะสันนิษฐานได้ว่าอาจจะมีบางอย่างไปกระตุ้นการทำงานของหัวใจจนทำให้เกิดการเสียชีวิตได้  ทุกอย่างผลการชันสูตรจะบอกตรงๆ ชัดเจนที่สุด

มีรายงานผลตรวจออกแล้ว พบมีสารพิษในร่างกาย รอรายงานทางการและตำรวจกองปราบปรามกองกำกับการ 5 พบหลักฐานบางอย่างแล้ว หลังจากลงพื้นที่ทำคดีนี้ โดยคาดว่า หากผลตรวจสารพิษออกมาเป็นทางการออกมา จะมีบุคคลถูกหมายจับ


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/jZUJFosba2w