แกะรอยสารเคมีถูกทิ้งในแก่งคอย สู่การตรวจค้นโกดังจุดพักที่อยุธยา คาดเป็นต้นตอ

ข่าว 3 มิติ ยังคงตามแกะรอยคดีทิ้งสารเคมีอันตรายที่อำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรี หลังจากเริ่มต้นตามมาเกือบ1สัปดาห์ จนถึงวันนี้



เราเปิดข่าวนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาหลังจากมีประชาชนร้องเรียนมาที่ข่าว 3 มิติ ว่า มีรถบรรทุกลักลอบนำสารเคมีอันตรายไปทิ้งในพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมแก่งคอย แม้ไม่สามารถจับรถที่นำมาทิ้งได้คาหนังคาเขา แต่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ และชาวบ้าน ก็สามารถร่วมกันสกัดจับรถบรรทุกต้องสงสัยได้ 1 คัน ที่มีสารใกล้เคียงกับสารที่ถูกนำมาทิ้ง



นอกจากนี้ เรายังพบภาพถ่ายขณะที่รถบรรทุกถูดอายัดไว้ว่า มีรถกระบะมาแอบจอดเทียบ กล้ายมาเคลื่อนย้ายสาร ออกจากรถบรรทุก เมื่อนำทะเบียนรถกระบะไปตรวจสอบก็พบว่า เป็นรถของบริษัท เอกอุทัย ซึ่งมีที่ตั้งอยู่หลายจังหวัด โดยเฉพาะที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



จากนั้นยังปรากฏภาพหลักฐาน รถบรรทุกคันดังกล่าว ซึ่งเป็นรถแท็งก์บรรจุของเหลว แต่กลับใช้ผ้าใบคลุมอำพรางโดยที่ด้านบน ถูกเจาะช่อง เพื่อพร้อมถ่ายของเหลวออก เจ้าหน้าที่ และทีมข่าว 3มิติ พยายามตามแกะรอยว่า แล้วต้นต่อของสารเคมีอันตรายถูกขนมาจากที่ไหน และโดยใคร แม้จะมีทะเบียนรถกระบะเชื่อมโยง แต่ก็ยังไม่เห็นตอนทิ้ง จนกระทั่งล่าสุด ชาวบ้าน ได้แจ้งว่า มีโกดังแห่งหนึ่ง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถูกใช้เป็นจุดพักสารเคมี ก่อนนำรถบรรทุกคนตระเวนทิ้งตามที่สาธารณะ



ข่าว 3 มิติ ได้รับการแจ้งเบาะแสจากเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่ามีโกดังเก่าแห่งหนึ่ง อยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลภาชี มีสารเคมีอันตายหลายชนิดเก็บอยู่ที่นั่นจำนวนมาก ทั้งที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโรงงาน โดยเจ้าหน้าที่และชาวบ้านตรวจสอบโกดังนี้ ตั้งแต่วันศุกร์ พบรถขนย้ายสารเคมีหลายคัน แต่เมื่อวานนี้ก็มีการลักลอบย้ายหนี ทั้งกลางวันกลางคืน กระทั่งตอนนี้เจ้าหน้าที่เข้าไปอายัดและแจ้งความดำเนินคดีแล้ว



โกดังเก่า 5 หลัง ตั้งอยู่ริมถนนสายภาชี-หินกอง คือเป้าหมายที่ทีมข่าวได้แจ้งเบาะแสจากเจ้าหน้าที่ ว่าพบสารเคมีอันตรายจำนวนมากเก็บไว้ที่นี่โดยไม่มีใบอนุญาต



เจ้าหน้าที่พาทีมข่าวเข้าไปดูโกดังหลังหลังที่ 1 พบลักเกอร์บ็อก ลักษณะเป็นกล่องเหล็กที่ใช้บรรจุสิ่งของในอุตสาหกรรม ตั้งวางเรียงรายอยู่จำนวนมาก ภายในมีของเสียอุตสาหกรรมหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นของเหลวในถังขนาด 200 ลิตรบ้าง หรือในแกลลอนที่เล็กกว่านั้น รวมถึงเศษวัสดุปนเปื้อนสารเคมี ภายในนี้เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นฉุนของสารเคมี



เฉพาะด้านทิศเหนือของโกดังหลังที่ 1 พบว่ามากกว่า 10 คัน เรียงรายอยู่ และเจ้าหน้าที่ได้ฉีดสีเปรย์กำกับลำดับไว้หมดแล้ว ส่วนฝั่งทิศใต้ภายในโกดังหลังที่ 1 ก็เช่นเดียวกัน มองจากภายนอก เหมือนเป็นวัสดุทีเป็นกระดาษ แต่ลึกลงไปในถังนั่นคือถังสารเคมี



ที่จริงเมื่อวันศุกร์พบรถบรรทุกหลายคัน แต่วันนี้เหลืออยู่ราว 2-3 วัน โดยป้ายทะเบียนหน้ารถถูกออกไปด้วย



ที่จริงนายอำเภอภาชี พร้อมเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเข้าตรวจสอบที่นี่ตั้งแต่วันศุกร์ และอุตสาหกรรมาจังหวัดก็เก็บหลักฐานไว้ แต่พอวันเสาร์ก็มีการขนย้ายของบาวส่วนออก ข้อมูลที่ทีมข่าวได้รับยืนยันว่าในโกดังหลังที่ 1 ที่เดินอยู่นี้ เมื่อวันศุกร์มีถังขนาด 200 ลิตรเก็บอยู่เต็มลาน แต่ตอนนี้เหลือไม่มากแล้ว คาดว่าถูกย้ายหนีออกไปเมื่อวันเสาร์ ส่วนลักเกอร์บ็อกที่เหลืออยู่มีร่องรอยถูกสเปรย์ฉีดทับชื่อภาษาอังกฤษ AEK



วันนี้โกดังหลังที่ 3 เปิดไม่ได้แล้ว จึงตรวจสอบไม่ได้ว่ามีของเหลวเหลืออยูหรือไม่ แต่เมื่อศุกร์นั้นพบว่ามีของเหลวอยู่ แต่กลิ่นเหม็นฉุนมากจึงยังเปิดไม่ได้



ส่วนโกดังหลังที่ 5 ซึ่งเป็นเจ้าละเจ้ากับโกดัง 4 หลังก่อนหน้านี้ ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โดยจำเป็นต้องทุบกำแพงที่เพิ่งก่ออิฐโบกปูนทับเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เพราะปูนยังไม่แห้ง เมื่อทุบแล้วก็พบถังเบาท์ขนาด 1 พันลิตรจำนวนมาก



ที่ด้านหน้าโกดังหลังที่ 3 เดิมทีเป็นบ่อน้ำของเจ้าของเดิมตอนนี้ มีสารเคมีถูกทิ้งจำนวนมาก พร้อมกับนำยิปซั่มและดินฝังกลบไว้ คาดว่าน้ำจากบ่อนี้ที่ไหลลงปนเปื้อนลงคลอง 3 ขวา ของกรมชลประทาน



ส่วนรถพ่วงคันนี้ คือรถที่เจ้าหน้าที่สกัดจับไว้ได้ขณะขับออกจากโรงงานนี้ ด้านบนเป็นแกลลอนสารเคมี สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตรวจสอบทะเบียนรถคันนี้ พบมีใบ วอ.8 หรือใบอนุญาตขนส่งวัตถุอันตราย ระบุชื่อบริษัทเอกอุทัย จำกัดซึ่งเป็นบริษัทประกอบกิจการรีไซเคิลขยะโรงงาน



นอกจากนี้ ยังพบเอกสาร วอ.8 ในรถบรรทุกที่จอดอยู่ในโกดัง และทะเบียนรถที่ตรวจสอจากป้ายทะเบียนก็เป้นชื่อผู้ครอบครองคือบริษัทเอกอุทัย จำกัด



อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำข้อมูลดังกล่าวเป็นเบาะแสแจ้งความดำเนินคดีตามความผิดพบ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย และ พ.ร.บ.โรงงาน เพื่อให้บริษัทดังกล่าวมาสู้คดี