สังคม

เปิดหลักฐาน บ.เอกอุทัย เอี่ยวคดีสารเคมีทิ้งแก่งคอย-โกดัง อ.ภาชี

โดย panwilai_c

6 มี.ค. 2566

328 views

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดี กรณีพบสารเคมีในโกดังเถื่อนที่อำเภอภาชี นั้น ข่าว 3 มิติได้รับข้อมูลยืนยันว่า เจ้าหน้าที่พบเอกสารอีกหลายชุด เชื่อมโยงไปถึงบริษัทเอกอุทัย ทั้งที่สาขากลางดง และสาขาศรีเทพ รวมถึงบริษัทวิน โพรเสส ซึ่งถูกศาลสั่งรับผิดชอบ แก้ไขและเยียวยา กรณีมีน้ำเสียสารเคมีของโรงงาน สร้างผลกระทบให้ชาวบ้าน หนองพะวา อำเภอบ้านค่าย จ.ระยอง



ข่าว 3 มิติ ได้รับการยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตรวจยึดเอกสารในรถบรรทุกในโกดัง ซึ่งนอกจากทะเบียนรถ และเอกสาร ว.อ. 8 หรือใบอนุญาตขนส่งวัตถุอันตราย ที่เชื่อมโยงไปยังบริษัทเอกอุทัย จำกัด จ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว ยังเชื่อมโยงไปบริษัทเอกอุทัย สาขาอื่นๆ รวมถึงบริษัท วิน โพรเสส จังหวัดระยอง ซึ่งบริษัท วิน โพรเสส มีผู้บริหารและที่ปรึกษาบางคน เชื่อมโยงใกล้ชิดถึงกันโดยตรง



เอกสารที่พบ เช่น สำเนาคู่มือรถบรรทุกทะเบียนลงท้ายด้วย 322 ผู้ถือกรรมสิทธิ์ คือบริษัทเอกอุทัย ต.กลางดง จ.นครราชสีมา สำเนาคู่มือรถบรรทุก ทะเบียนลงท้ายด้วย 182 ผู้ประกอบการขนส่ง คือบริษัทวิน โพรเสส ที่อยู่ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เอกสารใบงานบริษัท เอกอุทัย ลงวันที่23 พฤษภาคม 65 บริษัทเอกอุทัย สาขาศรีเทพ เป้าหมายมาลงที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น



ขณะที่การแกะรอยผู้เกี่ยวข้องกับโกดังนี้พบว่า ผู้เช่าโกดัง เป็นบริษัทนิติบุคคลรายหนึ่ง ซึ่งมีกรรมการ 1 คน ชื่อบุญเลิศ สำนักงานอยู่ที่ ต.คลองกระจัง อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ท้องที่เดียวกับบริษัทเอกอุทัย สาขาศรีเทพ ข่าว 3 มิติ พบว่า ชายคนนี้เคยนำรถบรรทุกไปร่วมวิ่งงานกับบริษัทเอกอุทัย สาขาศรีเทพด้วย



ทีมข่าวพบเบาะแสว่า มีบุคคลใช้ชื่อในไลน์ว่าบุญเลิศ ส่งข้อความสั่งคนงานให้โบกปูนปิดทับช่องประตูกำแพงที่สร้างขึ้นใหม่ เมื่อเย็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่พัง กำแพงดังกล่าวลง ก็พบกากวัสดุเก็บอยู่ที่นั่น ความสอดคล้องนี้ ทำให้เชื่อได้ว่านายบุญเลิศ ในฐานะผู้เช่า ต้องรู้เห็นกับกากวัสดุที่เก็บไว้ที่นี่ และสิ่งของที่เก็บในโกดังนี้ ก็มีหลักฐานเชื่อมโยงไปหาบริษัทดังกล่าว



ทิศทางคดีนับจากนี้ แบ่งเป็น 2 เส้นทาง คือตำรวจภูธรภาชี จะรวบรวมหลักฐานทั้งหมด ทั้งเอกสารและสอบปากคำบุคคลให้ได้มากที่สุด ส่วนกองบังคับการ ปทส.ก็จะรวบรวมหลักฐานและสืบสวนไปด้วย จากนั้นก็จะรวมสำนวนคดีจากตำรวจภูธรภาชี โอนมาเป็นสำนวนคดีที่ตำรวจ ปทส.รับผิดชอบ เนื่องจากเป็นความผิดกรณีเดียวกัน



ส่วนคดีที่ตำรวจภูธรแก่งคอย จับรถบรรทุกทิ้งสารเคมีได้ และคนขับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการ ของบริษัทเอกอุทัย ให้ไปรับสารเคมีที่โกดัง อำเภอภาชี นั้นตำรวจแจ้งข้อหาคนขับรถบรรทุกสารเคมีฐานครอบครองวัตถุอันตราย และไม่มีใบอนุญาตขับขี่ประเภท 4 สำหรับกิจการขนส่งวัตถุอันตราย รวมถึงเจ้าของรถบรรทุก



ส่วนนายสุทินัน ที่เป็นผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ โรงงานเอกอุทัย ก็จะถูกแจ้งความฐานจ้างวาน และจะสืบสวนต่อไปว่า เงินงบประมาณที่ใช้จ้างวานนั้น เป็นของผู้จ้างงานเอง หรือเชื่อมโยงกับบริษัท ที่ผู้จ้างวานเป็นพนักงานอยู่ ซึ่งประเด็นเหล่านี้อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล

คุณอาจสนใจ

Related News