เปิดใจ "แรมโบ้" อดีตแชมป์มวยสากลโลก ถูกลูกทาสยาทำร้าย วอนช่วยบำบัดลูกให้หายขาด

จากกรณีที่เพจ สายไหมต้องรอด โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า ลูกสาวของ “รัตน์พล ส. วรพิน” หรือ แรมโบ้ อดีตแชมป์มวยสากลโลก เข้ามาติดต่อขอความช่วยเหลือ หลังจากที่พี่ชายทำร้ายพ่อหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งครั้งล่าสุดมีการทำร้ายร่างกายและมีการขู่ฆ่า และแจ้งความกับตำรวจ สน.ชนะสงครามไปแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ


ช่วงเช้าที่ผ่านมาทีมข่าวช่อง 3 ลงพื้นที่ไปที่บ้านของอดีตแชมป์มวยสากลโลกรายนี้ ย่านสามเสน 6 พบกับ นายปรีชา หรือ แรมโบ้ รัตน์พล ส. วรพิน แชมป์มวยสากลโลก 2 สมัย อายุ 50 ปี ได้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เหตุการณ์ที่ตนเองถูกผู้ชายทำร้ายครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อช่วงประมาณหนึ่งทุ่มของคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาขณะนั้นตนเองอยู่ระหว่างการเตรียมของจะเดินทางไปขายของตามปกติแต่เกิดมีปากเสียงกับลูกชายเกิดขึ้น


ซึ่งขณะนั้นลูกชายอยู่ในอาการมึนเมาสิ่งเสพติด ประกอบกับตนเองโดนภรรยาเข้ามาห้ามจนทำให้ไม่สามารถปัดป้องลูกชายได้ทัน จึงทำให้เกิดการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับทางลูกชายและถูกจับทุ่มลงพื้น จึงทำให้เกิดบาดแผลตามร่างกาย โดยตนเองเคยบอกกับภรรยาไปแล้วหลายครั้งว่าไม่ต้องเข้ามาห้าม เพราะตนเองต้องการปล่อย เพื่อให้ลูกชายหยุดเพียงเท่านั้น ไม่ต้องการทำร้ายร่างกายหรือทำอันตรายใด ๆ แต่ภรรยายังคงมาห้ามทำให้เกิดการต่อสู้ที่ตนเองป้องกันตัวไม่ได้


ลูกชายเคยก่อเหตุในลักษณะแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งไม่รุนแรงเท่าครั้งล่าสุด เพราะตนเองสามารถป้องกันตัวได้ ทุกครั้งที่ผ่านมา


ตนเองได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน. ชนะสงคราม เพื่อให้มาดำเนินการ ซึ่งก็ได้มีการพาตัวลูกชายไปบำบัดมาแล้วประมาณ 3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะใช้เวลาไปบำบัดอยู่ที่ประมาณ 2-3 เดือน แต่ก็จะกลับมาเสพสิ่งเสพติดและกลับมาทำร้ายร่างกายแบบนี้อยู่ตลอด


ในครั้งนี้ตนเองก็อยากให้ทางตำรวจดำเนินการพาลูกชายไปบำบัด แต่อยากให้ไปนานกว่าทุกครั้ง เพราะต้องการให้กลับมาหายขาด ซึ่งในวันนี้ ตนเองก็ตั้งใจว่าถ้ามีตำรวจมาดำเนินการคุมตัวลูกชายไป ก็จะมีการให้เงินลูกชายติดตัวไปใช้เพราะไม่อยากให้ลูกชายอดอยาก ขณะที่อยู่ในขั้นตอนการบำบัด


โดยอดีตแชมป์มวยสากลโลก ยังบอกถึงลูกชายว่าตนเองไม่ได้ต้องการให้ลูกชายถูกดำเนินคดี แต่สาเหตุที่มีการแจ้งความกับตำรวจทุกครั้ง เพราะต้องการให้ลูกชายมีคนพาไปบำบัดและให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เนื่องจากเป็นสิ่งไม่ดี ซึ่งการที่ตนเองแจ้งความทุกครั้งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกชายไม่พอใจจนทำให้ทุกครั้งที่มีอาการมึนเมาสิ่งเสพติด มักมาหาเรื่องและทำร้ายร่างกายตนเอง


ส่วนเรื่องของการขู่ฆ่าโดยอาวุธต่าง ๆ ในวันเกิดเหตุ ตนเองไม่เห็นว่าลูกชายมีอาวุธมาด้วย และเชื่อว่าลูกชายไม่ได้มีอาวุธตามที่พูด


ปัจจุบันขณะนี้ตนเองประกอบอาชีพค้าขายก๋วยเตี๋ยว โดยใช้รถเข็นขายแยกกับภรรยา 2 คัน โดยจะออกจากบ้านพักในย่านสามเสนซอยหกประมาณ 1 ทุ่มก่อนจะเดินไปตามเส้นทางต่าง ๆ แล้ววนกลับมาแต่ช่วงเวลาประมาณ ตี 4-5 ของวันถัดไป


ขณะที่ทีมข่าวติดต่อไปที่ พันตำรวจเอกสนอง แสงมณี ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ได้ให้ข้อมูลเพียงสั้น ๆ ว่า กรณีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ว่าจะดำเนินการในขั้นตอนอย่างไรได้บ้าง เนื่องจากที่ผ่านมาตำรวจได้มีการเข้าไปคุมตัวไปส่งบำบัดมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังกลับมาอยู่ในแบบเดิม ซึ่งยังอยู่ในการหาแนวทางในการบำบัดแบบถาวรและยังไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร


เบื้องต้นยืนยันว่ายังไม่ได้มีการคุมตัวลูกชายของ อดีตแชมป์มวยสากลโลกมาแต่อย่างใด