จนท.ลงพื้นที่ 'เกาะหลีเป๊ะ' เก็บข้อมูลปัญหาเรือหางยาวท่องเที่ยว พร้อมรังวัดที่ดินสางปมพิพาท

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามข้อร้องเรียนชมรมเรือหางยาวกับการท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ และปัญหาที่ดินชาวเลอูรักลาโว้ย ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายลงพื้นที่ทำการรังวัดที่ดินเกาะหลีเป๊ะ ก่อนพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. จะลงพื้นที่วันพรุ่งนี้ (22 ม.ค. 66)



นางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามปัญหาชมรมเรือหางยาวกับการท่องเที่ยว ตามคำร้อง กรณีกล่าวอ้างว่าการประกอบอาชีพกิจการเรือโดยสารรับส่งนักท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งเกาะหลีเป๊ะ สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งและการประกอบอาชีพของชาวเลอูรักลาโว้ย



จากปัจจุบันชาวเลมีเรือประมงพื้นบ้านอยู่ 193 ลำ ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาการท่องเที่ยวทำให้จากเดิมที่เคยมีรายได้จากการรับส่งนักท่องเที่ยวต้องหายไป เพราะการลดค่าบริการของกลุ่มธุรกิจ ทำให้คุณภาพชีวิตของชาวเลตกต่ำ แม้จะมีผู้ประกอบการบางส่วน ที่เข้าใจและยินดีช่วยเหลือชาวเล แต่ก็มีอีกบางส่วนที่ไม่ยอมจ่ายค่าบริการส่วนนี้ ทั้งที่เกาะหลีเป๊ะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจการท่องเที่ยวกว่า 7 พันล้านบาทต่อปี แต่กลับมีส่วนแบ่งจากธุรกิจท่องเที่ยวนี้ไม่ถึง 1% ทำให้ชาวเลต้องตั้งสหกรณ์มาแก้ปัญหา และยืนยันไม่มีการคิดค่าเหยียบแผ่นดิน



นางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า จากการรับฟังปัญหาของชาวเลเกาะหลีเป๊ะแล้ว มองว่าเป็นเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นข้อชี้แนะของสหประชาชาติ ให้ธุรกิจรับผิดชอบ ต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยให้มองชาวเลเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาและการท่องเที่ยว ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้หารือกับทางจังหวัดสตูลไปเบื้องต้นแล้ว



ส่วนปัญหาที่ดินชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ก่อนที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะลงพื้นที่วันพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ร่วมกันสำรวจกำหนดพิกัดชี้แนวเขตที่ดิน และบันทึกภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อนำมาประกอบการลงพื้นที่ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ท่ามกลางการติดตามของกลุ่มชาวเล โดยเฉพาะ น.ส.3 แปลงที่ 11 ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างเอกชนกีบชาวเล และเป็นแนวเขตที่มีการฟ้องร้องชาวบ้านในคดีบุกรุกขับไล่ออกจากพื้นที่รวม 21 ราย