พ่อเด็กช่างกลอ้าง ลูกพาเพื่อนนั่งสมาธิ ไม่ใช่แหล่งมั่วสุม แฉสมาชิกแก๊งโจ๋ เป็นนักแสดงซีรีส์-หลานดาราดัง

พ่อเด็กช่างกล ล่ออริมากักขังซ้อมทรมาน อ้างลูกและพวกไม่เคยใช้ความรุนแรง เผย ที่ผ่านมาพารุ่นน้องมารับน้องที่บ้านแค่นั่งสมาธิ ไม่ใช่แหล่งมั่วสุม ปัดเป็นผู้มีอิทธิพล หนึ่งในผู้ก่อเหตุแชตมาโทษผู้เสียหายบอก “กูได้รับผลกรรมที่ทำแล้ว” ด้านทนายรณณรงค์ เผย ‘นายเติ้ล’ คนที่บังคับอมนกเขาเป็นนักแสดงซีรีส์ ส่วน ‘น.ส.พลอย’ เข้าพบ ตร.แล้ว อ้างเป็นหลานดาราดัง

จากกรณี 3 นักเรียนช่างกล ถูกแก๊งวัยรุ่นต่างสถาบัน 17 คน จับตัวไปกักขังที่บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ในซอยรามคำแหง 63 เขตหัวหมาก กรุงเทพฯ รุมซ้อมใช้สายไฟรัดคอ โดนแก้ผ้ามัดมือมัดเท้า บังคับต่อยกันเอง กินน้ำปัสสาวะ บังคับให้จูบปากแลกลิ้นกัน เอาไฟแช็ครนขนเพชรและอวัยเพศ เอาบุหรี่จี้มือและลิ้น ใช้ปืนจ่อหัวมีดจี้คอบังคับอมอวัยวะเพศเพื่อสำเร็จความใคร่

คืบหน้าวานนี้ (14 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังเกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านของนายอี หนึ่งในผู้ก่อเหตุ โดยนายประเสริฐ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี พ่อของนายอี พาผู้สื่อข่าวไปดูสถานที่ด้านหลังอพาร์ทเม้นท์ คือจุดที่กลุ่มวัยรุ่นใช้ก่อเหตุ บริเวณกำแพงมีการพ่นสีชื่อสถาบันและข้อความสัญลักษณ์ต่าง ๆ

นายประเสริฐ เผยว่า จุดนี้ลูกชายกับกลุ่มเพื่อนที่เรียนอาชีวะจะพารุ่นน้องมาทำกิจกรรมรับน้อง ที่ผ่านมาเคยเห็นพากันนั่งสมาธิ และไม่เคยมีการใช้ความรุนแรง ซึ่งตัวเองจะคอยสอดส่องดูแลอยู่ตลอด เคยประสานกับทางอาจารย์ ของสถาบันที่ลูกชายเรียนอยู่ ว่าเด็กๆ ชอบมาทำกิจกรรมรับน้องกันตรงนี้ถ้าตามหาไม่เจอให้มาที่นี่หรือติดต่อตัวเองได้

ช่วงที่เกิดเหตุ ตัวเองไปงานแต่งญาติที่จังหวัดสุโขทัยและกลับมากลางดึกวันที่ 28 ตุลาคม2565 จึงไม่เห็นว่ามีการทำร้ายร่างกายกัน แต่เห็นเด็กคนหนึ่งนอนบาดเจ็บอยู่ในห้องชั้นล่างของบ้าน มีแผล รอยช้ำเต็มตัว โดยมีลูกและเพื่อนๆ เกือบ 20 คน กำลังช่วยกันปฐมพยาบาล ตนจึงถามว่าไปโดนอะไรมา เพื่อนของลูกชายบอกเพียงว่าโดนทำร้ายที่ กกท. ตนบอกไปว่าทำไมไม่ไปหาหมอ ไม่ไปแจ้งความ

“ตนเองเข้าใจว่าคนเจ็บเป็นเพื่อนของลูกชาย ไม่รู้ว่าเป็นโจทย์ศัตรูกัน เรื่องจริงเป็นอย่างนี้ ส่วนเรื่องที่มีการทำร้ายกันนั้นตนไม่ทราบ เท่าที่ตัวเองเห็นและรับรู้ไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว ส่วนที่บอกว่าในบ้านมีอาวุธปืนจำนวนมากนั้น ผู้เสียหายเอาภาพเก่ามาอ้างหรือเปล่า ในบ้านของตนไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย ยืนยันตนไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ผลักทีเดียวก็ล้มแล้ว”

ยอมรับว่าบ้านหลังนี้ ลูกชายและกลุ่มเพื่อนมักจะมาอยู่กันจำนวนหลายคน แต่ก็ไม่เคยพบพฤติกรรมความรุนแรงหรืออาวุธปืนตามที่ลงในโซเชียล สาเหตุที่ให้ทุกคนมารวมกลุ่มกันที่บ้านตัวเอง เพราะไม่อยากให้ลูกชายออกจากบ้าน ไปสร้างปัญหาหรืออยู่นอกสายตา ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเหตุอะไร ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสุดซึ้ง ถ้าตนอยู่จะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า จากนี้ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย หลังเกิดเหตุและเป็นข่าวภรรยาของตนช็อคเข้าโรงพยาบาล ตนเองเบาหวานขึ้น ส่วนลูกชายไปอยู่บ้านเพื่อนกลุ่มที่ร่วมก่อเหตุ ถ้าติดต่อได้ตนเองจะพาเข้าพบตำรวจ ยืนยันบ้านของตนไม่ใช่แหล่งมั่วสุม เพื่อนของลูกแค่ไป ๆ มา ๆ นั่งเล่นกัน ถามว่านายอี ลูกชายเป็นหัวโจกหรือไม่ตนไม่รู้

ขณะที่แม่ของนายซับ เยาวชนอายุ 16 ปี และแม่ของนายโอ๊ต เยาวชนอายุ 17 ปี เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจ สน.หัวหมาก หลังลูกชายถูกแก๊งเด็กช่างต่างสถาบันรุมทำร้ายอย่างทารุณ โดยแม่ของนายซับ เผยว่า สภาพจิตใจของตนและลูกตอนนี้ย้ำแย่มาก

“ในฐานะคนเป็นแม่ก็เจ็บช้ำไม่ต่างจากลูก แต่ต้องรับบทเข้มแข็ง เพื่อปกป้องลูกชายและต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด ทุกวันนี้ลูกชายยังคงฝันร้ายและผวาหวาดกลัว ส่วนตนก็นอนไม่หลับ ยอมรับว่าเหนื่อยมากแต่ต้องสู้เพื่อลูก ลูกโดนกระทำยากที่จะเยียวยาสภาพจิตใจได้ รวมถึงความปลอดภัยของเด็กทั้ง 3 คน ขอความเป็นธรรมด้วย มันรุนแรงเกินกว่าเหตุที่จะให้อภัย เชื่อว่ามีการวางแผน ทำอย่างนี้ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน”

จากการที่ตนฟังคำให้สัมภาษณ์ของพ่อนายอี “เขาปกป้องลูกชาย ตนอยากถามว่าคุณรู้มั้ยว่าลูกของคุณทำอะไรบ้างตอนอยู่ที่บ้าน ในบ้านมีอาวุธปืน ไม่ว่ากล่าวตักเตือน เด็กที่โดนกระทำจะไม่ได้รับความยุติธรรม เขาขอโทษแต่ขอให้สำนึกว่าการกระทำของลูกเขาเรารับไม่ได้ แย่มาก ตำรวจไปตรวจค้นเป็นไปไม่ได้จะเจอกระสุนปืนแค่นัดเดียวในบ้านมีอาวุธปืนหลายชนิด”

แม่ของนายซับ โต้กลับพ่อในผู้ก่อเหตุที่กล่าวอ้างว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่เคยกระทำการเช่นนี้แล้วปกติที่มารวมตัวกันที่บ้านก็เพื่อสวดมนต์และปฏิบัติธรรมกันนั้น ตนไม่เชื่อ เพราะบ้านหลังดังกล่าวเป็นมุสลิม จะปฎิบัติธรรมตามหลักศาสนาพุทธหรือให้ลูกมานั่งสมาธิได้อย่างไร จึงมองว่าเป็นการแก้ต่างเพื่อให้ฝั่งตัวเองดูดีเท่านั้น

ขณะที่นายซับ เยาวชนอายุ 16 ปี ที่ถูกกระทำ กล่าวว่า “ทราบว่าสถานที่เกิดเหตุบริเวณหลังอพาร์ทเม้นท์ จุดที่ตนโดนทำร้าย แก๊งนี้มักจะใช่เป็นที่รับน้อง แก๊งนี้มักพกปืนไปเรียนไล่ยิงคนไปทั่ว จิตใจของตนตอนนี้ยังย่ำแย่ ระแวงกลัวมาถล่มบ้าน ห่วงยายกับหลานไม่ปลอดภัย หลังเกิดเหตุมีหนึ่งในแก๊งขี่รถ จยย.มาป้วนเปี้ยนละแวกบ้านของตน ทุกวันนี้ไม่กล้าออกจากบ้านไปไหน ยืนยันบ้านเกิดเหตุเป็นแหล่งมั่วสุม” และยืนยันว่าตอนเกิดเหตุพ่อของนายอี ก็รู้เห็นเป็นใจ

นายโอ๊ต อายุ 17 ปี ซึ่งถูกจับกุมตัวไปกักขัง 3 วัน ก่อนที่แก๊งเด็กช่างจะรุมทำร้าย เผยว่า ไม่เชื่อที่พ่อของนายอี บอกว่า ลูกชายเขามักพาพรรคพวกมานั่งสมาธิ ตนรู้จักกับคนในแก๊งนี้ เคยไปบ้านหลังเกิดเหตุก่อนที่จะถูกจับ พวกนั้นจะใช้เป็นที่รับน้อง เวลารุ่นพี่เรียกรวมรุ่นน้องก็จะให้มารวมตัวกันที่บ้านของนายอี (บ้านหลังเกิดเหตุ)

“พอมารวมตัวกันทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องจะนั่งมั่วสุมกันสูบกัญชา ดื่มน้ำกระท่อม นำปืนออกมาโชว์ถ่ายรูปกัน ตอนรับน้องก็พาไปทำกิจกรรมหลังอพาร์ทเม้นท์ เห็นรุ่นพี่สั่งให้รุ่นน้องนั่งคุกเข่าแล้วเตะหน้าอก” ตอนนี้ตนกลัวว่าพวกนั้นจะมาอุ้มไปทำร้ายอีก คนแถวนั้นรู้ดีว่าบ้านหลังนั้นมีอิทธิพล”

นายโอ๊ต ให้ข้อมูลเพิ่มว่า หลังเกิดเหตุ ยังมีคนที่เป็นตัวล่อให้เข้าไปในที่เกิดเหตุเเชตมาขอโทษตนเมื่อวันที่ 12 พ.ย.  มีข้อความว่า “โอ๊ตเพื่อนเพื่อนรัก หายโกรธกูยังเพื่อน กูได้รับผลกรรมที่กูทำกับมึงเเล้วนะเพื่อน กูคิดถึงมึงเสมอเพื่อน” และส่งอิโมจิหน้าเศร้า และพยายามโทรมาหา เเต่ตนไม่รับและไม่ได้ตอบกลับ

พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผู้กำกับการ สน.หัวหมาก เปิดเผยว่า จากการสืบสวนทราบว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 17 คน เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 6 คน และเป็นผู้ใหญ่อายุเกิน 18 ปี จำนวน 11 คน/ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุที่เป็นผู้ใหญ่ไปแล้วจำนวน 8 คน และอีก 3 คน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับเพิ่มเติม สามารถจับกุมตัวมาได้แล้ว 3 คน ส่วนอีก 5 คนอยู่ระหว่างการหลบหนี

ส่วนผู้ก่อเหตุที่เป็นเยาวชนได้ออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนไปแล้ว ทั้งหมด 5 คน ส่วนอีก 1 คน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกเพิ่มเติม แต่หากไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับ อย่างไรก็ตามได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งหมดเบื้องต้น 3 ข้อหาคือหน่วงเหนี่ยวกักขัง /ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง /ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ

ส่วนข้อหาอื่นเกี่ยวกับอาวุธปืนที่ปรากฏตามคลิปและจากคำให้การของผู้เสียหาย รวมถึงข้อหาอื่น ๆ หลังรวบรวมพยานหลักฐานแล้วก็จะแจ้งเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อว่าอาวุธปืนเป็นของจริง เพราะจากการเข้าตรวจค้นภายในบ้านหลังเกิดเหตุ พบเครื่องกระสุนปืนจำนวน 1 นัด ซึ่งเป็นของนายอี อายุ 17 ปี เป็นลูกชายเจ้าของบ้าน พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวส่งดำเนินคดีกับศาลเยาวชนในข้อหาครอบครองกระสุนปืนไปแล้ว

ส่วนอาวุธปืนคาดว่าจะถูกนำเคลื่อนย้ายหลังเกิดเหตุก่อนที่ตำรวจจะเข้าไปตรวจค้น แต่ก็จะสืบสวนและติดตามกลับมาให้ได้ อีกทั้งยังระบุอีกว่า บ้านหลังเกิดเหตุไม่ใช่ของผู้มีอิทธิพล เพราะตำรวจได้มีการจับกุมดำเนินคดีเกี่ยวกับก่อเหตุทะเลาะวิวาทและอาวุธปืนมาแล้วหลายครั้ง

ขณะที่ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร เดินทางมาที่ สน.หัวหมาก เพื่อนำหลักฐานเพิ่มเติมมามอบให้พนักงานสอบสวน โดยเปิดเผยว่า ตนต้องการให้ตำรวจเข้าไปตรวจค้นที่บ้านเรือนไทย เพราะเชื่อว่ายังมีอาวุธสงครามซ่อนอยู่อีกเยอะ ตนตั้งข้อสงสัยว่า อาวุธต่างๆ ทำไมเยาวชนที่เป็นแค่นักเรียนถึงหาซื้อได้ง่าย ตำรวจควรต้องกวาดล้างเรื่องนี้ ตนรับไม่ได้ที่น้องถูกอุ้มไปซ้อมทรมานทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น


ส่วนกรณีที่มีเคลื่อนย้ายอาวุธปืนของกลาง อาจจะเป็นเพราะว่า กว่าผู้เสียหายจะไปแจ้งความเรื่องก็ผ่านไปนานแล้ว เนื่องจากผู้เสียหาย ถูกข่มขู่ว่าหากไปแจ้งความจะมีการปล่อยคลิป ซึ่งระหว่างนั้นอาจจะมีสายที่รู้จักกับตำรวจ ที่ทำให้ผู้ก่อเหตุรู้ตัวก่อน และเคลื่อนย้ายของกลางไปที่อื่น แล้วพอผู้เสียหายแจ้งความก็มีการปล่อยคลิปดังกล่าวออกมาจริงๆ

อย่างไรก็ตาม การที่ก่อนหน้านี้ตำรวจได้เข้าตรวจค้นแล้ว 1 ครั้ง ตำรวจก็สามารถที่จะออกหมายค้นซ้ำได้อีก เพราะจำเป็นต้องหาวัตถุพยานเพิ่มเติม และตอนนี้ก็มีผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่เคยถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้กระทำเช่นเดียวกัน ติดต่อมาหาตนเพื่อจะเข้าแจ้งความเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่งด้วย

หลังจากทนายรณรงค์ เข้าพบผู้กำกับการ สน. หัวหมาก ได้ออกมาให้ข้อมูลว่าขณะนี้ยังไม่มีท่าทีจากทางตำรวจที่จะออกหมายค้นอีก พร้อมระบุว่า นายเติ้ล (คนที่บังคับให้นายซับ อมนกเขา) หนึ่งในผู้ก่อเหตุเป็นนักแสดงซีรีส์ที่ฉายใน Netflix ส่วนนางสาวพลอย แฟนสาวของนายอี ผู้ที่ใช้ไฟแช็คนรนขนเพชรและอวัยวะเพศผู้เสียหาย ได้เข้ามาให้ปากคำกับตำรวจแล้ว และอ้างว่าเป็นหลานของดาราดัง 

วันนี้ (15 พ.ย.) เวลา 9.30 น. ทนายรณณรงค์ พร้อมด้วยครอบครัวผู้เสียหายจะนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เข้ามาช่วยเร่งรัดคลี่คลายคดีนี้ เพราะมีผู้กระทำความผิดหลายคนและยังมีอาวุธปืนสงคราม เพราะมีการใช้อาวุธสงครามมาใช้ในการก่อเหตุ กระทำการอุกฉกรรจ์ไม่เกรงกลัวกฎหมายลักษณะเป็นอั้งยี่ซ่องโจรโดยขอให้ขยายผลไปถึงกฎหมายฟอกเงินแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย

ด้านนายทวีศักดิ์ คิ้วทอง ผู้อำนวยการศูนย์ความปลอดภัย สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และประธานคณะกรรมการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร เดินทางเข้าพบ ผกก.สน.หัวหมาก เพื่อมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ เผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลกับผู้อำนวยการสถาบันเอกชนย่านมีนบุรีและสถาบันย่านรามคำแหง พบว่ามีกลุ่มนักศึกษาที่ก่อเหตุ เรียนอยู่ในสถาบันย่านมีนบุรี 3 คน ซึ่งที่เหลือกำลังตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนกลุ่มผู้เสียหายทั้ง 3 คน พบว่าเคยเรียนอยู่ที่สถาบันย่านรามคำแหง 1 คน (ซับ) อีกคนหนึ่งก็เคยศึกษาสถาบันย่านมีนบุรีที่เดียวกันกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ (โอ๊ต) /ส่วนอีกราย (ฟลุ๊ค) ไม่พบประวัติเรียนสถาบันอาชีวะแต่อย่างใด

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/9sk8_JxEBuY