เจ้าของบ้านโอด 3 เดือนรถพุ่งชนบ้านแล้ว 5 ครั้ง วอน อบต.ซ่อมไฟ หลังเสียนานหลายเดือน

จากเหตุการณ์ชายขับกระบะกลับจากนั่งรับประทานอาหารที่ปากคลองบางกระดาน ต.บางปิด อ.แหลมงอบ จ.ตราด ก่อนจะมาประสบเหตุแหกโค้งพุ่งชนบ้านพังเสียหาย ตนเองเจ็บสาหัส ส่วนคนที่อยู่ในบ้านบาดเจ็บ 1 รายเมื่อคืนวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 23.40 น.

วันนี้ (26 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ บ้านเลขที่ 51 ม.4 ต.ท่าโสม อ.เขาสมิง จ.ตราด เพื่อตรวจสอบถนนและบ้านที่ถูกชน พบว่าถนนเส้นดังกล่าวเป็นทางลงเนินชัน ก่อนจะเลี้ยวโค้งขวาหักศอก ซึ่งบ้านที่เกิดเหตุจะอยู่บริเวณกลางโค้ง ทำให้รถที่แรงส่งลงเนินมาเบรกไม่ทันพุ่งเข้าบ้านหลังนี้ได้โดยตรง ส่วนไฟส่องสว่างริมถนนใช้การไม่ได้นานนับเดือน

วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ อบต.ท่าโสม ได้มาทำการซ่อมแซมให้แล้ว บริเวณหน้าบ้านมีแผงเหล็กราวกั้นถนนอยู่ แต่เนื่องจากวันที่ 23 ตุลาคม เกิดเหตุรถพุ่งมาชนทำให้ยังซ่อมแซมไม่ทัน ก่อนจะเกิดเหตุวานนี้อีก สอบถามเจ้าหน้าที่ อบต.ท่าโสม เปิดเผยว่า บริเวณนี้ฟ้าผ่าลงมาบ่อยครั้งทำให้ไฟส่องสว่างเสียหาย อีกทั้งไฟยังเป็นแบบชนิด LED ที่ไม่ค่อยทน เสียง่าย

ด้านนางสุภารัตน์ แซ่ตั๋น อายุ 53 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังนอนหลับอยู่ในห้องนอน ส่วนน้องชายที่พิการ นอนอยู่ห้องโถง จู่ ๆ มีเสียงชนดังสนั่น ตนจึงออกมาดูพบว่ารถได้พุ่งเข้ามาใน บ้าน น้องชายที่นอนอยู่ตนคิดว่าตายแล้ว แต่โชคดีที่โดนไม่สาหัส ซึ่งบ้านนี้เป็นบ้านของแม่ตน ตนอยู่มาตั้งแต่เด็ก ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาถูกรถพุ่งชนบ้านมาแล้ว 5 ครั้ง และที่ไม่พุ่งเข้ามาอีกนับครั้งไม่ถ้วน เพราะจุดนี้เป็นทางผ่านที่จะไปเที่ยวปากคลองบางกระดาน ส่วนใหญ่จะเกิดเหตุตอนกลางคืนที่คนขับจะดื่มสุรากันมาด้วย

อีกทั้งจุดนี้เป็นทางลงเนินแล้วโค้ง ซึ่งบ้านตนอยู่กลางโค้งพอดี แถมสัญญาณไฟเตือนกระพริบ-ไฟส่องสว่าง เสียทั้งหมดนานนับเดือนแล้ว นางสุภารัตน์ เล่าต่อว่า ตนต้องนอนผวาทุกคืน เพราะไม่รู้ว่าจะมีรถพุ่งเข้าบ้านอีกวันไหน หลังเกิดเหตุได้พูดคุยกับ อบต.ท่าโสมแล้ว อยากให้เร่งจัดการ เพราะที่ผ่านมาก็พูดคุยตลอดแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ

ทุกครั้งที่เกิดเหตุหลังจากได้รับค่าเสียหาย เพื่อนบ้านจะคอยซ้ำเติมว่าเรียกแพงไปไหม ได้เงินใช้อีกแล้ว ซึ่งตนอึดอัดมาก เพราะตนต้องทนอยู่แบบจิตตกแบบนี้ทุกวัน ไม่รู้ว่าวันไหนจะเกิดเหตุอีก ส่วนเรื่องทะเลาะกับกู้ภัยตนขอไม่พูดถึง เพราะคนที่ยืนด่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยเป็นเพื่อนของคนเจ็บ ไม่ใช่ฝั่งตน

ด้านนายนิสิษฐ์ ไข่เกษ เจ้าหน้าที่กู้ภัยในที่เกิดเหตุ หลังได้รับแจ้งเหตุ ทางกู้ภัยได้ประสานอาสาสมัครกู้ภัยในพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนจะประสานรถแสงสว่าง รถอุปกรณ์รีบไปช่วยเหลือคนเจ็บ แต่รถที่เคลื่อนย้ายคนเจ็บได้นั้น ตามไปทีหลัง เมื่อพวกตนไปถึง ฝั่งญาติคนเจ็บก็ตะโกนด่าทอตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งพวกตนก็ทำด้วยใจ ไม่ได้รับเงินตอบแทน อีกทั้งที่เกิดเหตุยังไกลจากจุดกู้ภัย เกือบ 30 กิโลเมตร ตนอยากให้เข้าใจตรงนี้ด้วย