พื้นที่ลุ่มน้ำชี-มูล ยังไม่พ้นวิกฤต ชาวบ้านยังเผชิญฝน-ลมหนาว

อิทธิพลพายุเซินกา ที่พัดขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม ส่งผลให้เกิดฝนตกกระจายหลายพื้นที่ แต่เมื่อเผชิญกับมวลอากาศเย็นก็ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกไม่หนัก แต่ผู้ที่อพยพน้ำท่วมมานอนบนเต็นท์พัก ต้องเผชิญอากาศหนาวแทน อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณที่ดีในลุ่มน้ำชี เพราะเขื่อนอุบลรัตน์ปรับแผนลดการระบายน้ำตั้งแต่พรุ่งนี้ (17 ต.ค. 65) เป็นต้นไป



แผนการระบายน้ำที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แจ้งปรับใหม่ จะทำให้เขื่อนอุบลรัตน์ ระบายน้ำลงแม่น้ำพองลดลง ซึ่งอาจจะเป็นทิศทางที่ดีในแง่ที่ว่า น้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเริ่มน้อยลงเพราะไม่มีฝนตกหนักเหนือเขื่อนแล้ว



โดยแผนเดิมระหว่างวันที่ 12-19 ตุลาคม ยังระบายที่ 54 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน แต่แผนปรับใหม่คือตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป จะเริ่มลดการระบายเป็น 52 ล้าน วันที่ 18 ลดลงอีก เหลือ 50 ล้าน วันที่ 19 เหลือ 48 ล้าน และ วันที่ 20 เหลือ 46 ล้าน และวันที่ 21 เป็นต้นไป จะปรับเหลือ 45 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน



เป็นสัญญาณที่ดีที่ว่าแนวโน้มการะบายลดลง แต่ถึงอย่างนั้นลำน้ำพอง มีศักยภาพรับการระบายน้ำได้ 32 ล้านลูกบาศก์เมตร นั่นหมายความว่าน้ำที่เกินกว่านี้ ยังจะเอ่อล้นออกสองฝั่งลำน้ำและหลากท่วมอยู่ดี จนกว่าจะระบายได้น้อยกว่า 32 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งอาจต้องยืดเยื้อถึงสิ้นเดือนนี้



และเมื่อน้ำพอง รวมกับแม่น้ำชี ที่มหาสารคาม ก็ยังทำให้พนังกั้นลำน้ำ และคันดินริมถนนหลายแห่งพังลงต่อเนื่อง ล่าสุดคือที่บ้านเลิงใต้ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ลำน้ำกัดเซาะถนนทางเข้าหมู่บ้านขาด 3 จุด ทำให้รถยนต์สัญจรยังไม่ได้ต้องอาศัยเรือมาช่วยสัญจร โดยชาวบ้านบางส่วนเลือกที่จะเฝ้าทรัพย์สินในบ้าน แต่ก็มีบางส่วนอพยพไปอาศัยในเต็นท์ริมคันดินกั้นน้ำ และตลอดวันนี้ต้องเผชิญทั้งฝนตกซ้ำและอากาศเย็นราว 20 องศาเซลเซียส



นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเลิงใต้ ระบุว่ามี 3 หมู่บ้าน ที่ถนนถูกตัดขาด จากทั้งหมดที่ท่วม 9 หมู่บ้าน ตอนนี้ต้องใช้เรือเพื่อสัญจรเข้าออก ซึ่งใช้เวลานานขึ้น



ส่วนปลายทางแม่น้ำชี ซึ่งไปบรรจบแม่น้ำมูลที่อุบลราชธานี วันนี้แม่น้ำมูล ที่สถานีวัดระดับน้ำ หน้าตลาดสดเทศบาลนครอุบลราชธี ระดับน้ำ อยู่ที่ 11 เมตร 47 เซนติเมตร ลดลง 2 เซ็นติเมตร จากเมื่อวานนี้



อีกด้านหนึ่ง ผู้อพยพจำนวนมาก ตามเต้นท์พักพิง ทั้งในเขตเทศบาลนครอุบล และเทศบาลเมืองวารินชำราบ ตลอด 2 วันนี้ เผชิญทั้งฝนตกซ้ำ และอากาศหนาว เพราะส่วนใหญ่ขาดแคลนผ้าห่มที่สูญเสียไปกับน้ำท่วม



ตอนนี้มีผุ้สูงอายุ และเด็กเล็ก ที่เริ่มขอสนับสนุนเครื่องนุ่มห่มกันหนาว มุ้ง และยากันยุง ในภาวะที่ต้องเผชิญน้ำท่วมอีกนับเดือน แม้จะมีผุ้นำมาบริจาคบ้าง แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะเฉพาะ 2 อำเภอนี้มีผุู้อพยพมากกว่า 5,800 ครอบครัว กว่า 18,407 คน



ข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขอุบลราชธานี พบว่ามีผู้ป่วยในพื้นที่อุทกภัยกว่า 7,200 คน ส่วนใหญ่เป็นโรคน้ำกัดเท้า 5,524 คน ที่เหลือกจากนั้นเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่อาหารเป็นพิษ และโรคฉี่หนู เป็นต้น