สังคม

ย้อนรอย 'คดีล่าเสือดำ' เจ้าสัวเปรมชัย บทสรุปผลอุทธรณ์โทษที่ยาวนาน 3 ปี

โดย pattraporn_a

8 ธ.ค. 2564

152 views

คำพิพากษาศาลฎีกา คดีล่าเสือดำ ในเขตอุทยานฯ ถึงที่สุดแล้วโดยสั่งจำคุกนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)  2 ปี 14 เดือน โดยไม่รอลงอาญา พร้อมกับโทษปรับที่ให้ชดใช้กับพรรคพวก


บทสรุปคดีจากศาลฎีกา

จำเลยที่ 1 นายเปรมชัย  2 ปี 14 เดือน

จำเลยที่ 2 นางยงค์ คงจำคุก 2 ปี 17 เดือน

จำเลยที่ 4 นายธานี คงจำคุก 2 ปี 21 เดือน และให้จำเลยทั้งหมดชดใช้ค่าเสียหายรวม 2 ล้าน


ย้อนรอยคดีล่าเสือดำ ในเขตอุทยานแห่ชาติของนายเปรมชัยกับลูกน้อง ที่ถูกจับได้ขณะเข้าไปตั้งแคมป์ล่าเสือดำ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก สื่อมวลชนจากทุกแขนง ติดตามตีแผ่เรื่องนี้ต่อเนื่อง จนเกิดเป็นกระแสสังคัมที่มีทั้งภาคประชาชนและนักอนุรักษ์ ออกมาแสดงพลังปกป้องเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และทวงความยุติธรรมให้สัตว์ป่า ติดแฮชแท็ก เสือดำต้องไม่ตายฟรี เหตุการณ์ผ่านมาเกือบ 4 ปีแล้ว 


3 กุมภาพันธ์ 2561 นายเปรมชัย กรรณสูตร ซีอีโอระดับเจ้าสัว พร้อมลูกน้องอีก 3 คน คือนายยงค์ โดดเครือ คนขับรถ นางนที เรียมแสน แม่ครัว และนายธานี ทุมมาศ พรานป่าผู้นำทาง อ้างกับเจ้าหน้าที่ประจำด่าน ได้รับไฟเขียวจากบิ๊กข้าราชการ อนุญาตให้เข้าไปตั้งแคมป์ในป่าได้


แต่การสืบสวนในขณะนั้น พบว่าทั้ง 4 คน ไม่ได้เข้าพักที่หน่วยมหาราช แต่กลับไปแวะตั้งแคมป์บริเวณห้วยปะชิ ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม เจ้าหน้าที่ขอให้ทั้งหมดย้ายเข้าไปที่หน่วย แต่ไม่เป็นผล


กระทั่ง 4 กุมภาพันธ์ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ทราบเรื่องนี้ จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบและเชิญทั้งหมดออกไปให้ข้อมูลที่หน่วย / สอบปากคำเบื้องต้นพบพิรุธ และทราบว่าบุคคลต้องสงสัย เป็นซีอีโอบริษัทยักษ์ใหญ่ และพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่


5 กุมภาพันธ์ จึงตัดสินใจกลับเข้าไปค้นแคมป์พักอย่างละเอียด จนพบว่า นี่ไม่ใช่การเข้าป่าศึกษาธรรมชาติ แต่เป็นการจงใจเข้ามาล่าสัตว์ ลอบเอาปืนยาวหลายขนาดพร้อมเครื่องกระสุนซุกซ่อนในพงหญ้า หลักฐานสำคัญก็คือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง เช่นไก่ฟ้าหลังเทา และซากเสือดำที่ชำแหละแยกอวัยวะ หมักเกลือ-ยัดในถุงดำ


ทั้ง 4 คน ถูกคุมตัวมาสอบสวนที่สภ.ทองผาภูมิ ท่ามกลางสื่อมวลชน ที่มาเฝ้าติดตามความคืบหน้า โดยมีทีมทนายความเป็นผู้ตอบคำถาม ส่วนนายเปรมชัย ตอบสั้น ๆ เข้าป่าเพื่อพักผ่อน


นายเปรมชัย พร้อมพวกรวม 4 คน ปฏิเสธข้อกล่าวหา และอ้างว่าซากเสือดำซื้อต่อจากนายพราน ส่วนกรณีตั้งแคมป์ที่ห้วยปะชิ เป็นเพราะไม่ชินทาง เมื่อผู้ต้องหาปฏิเสธและยืนยันจะสู้คดีในชั้นศาล การรวบพยานหลักฐานจึงต้องแน่นหนา-รัดกุม


จึงมีการผนึกกำลังจากหลายฝ่าย ทั้งกรมอุทยานฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ และผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์


ตรวจหาคราบเขม่าดินปืน ปลอกกระสุน รอยนิ้วมือ กองอุจจาระ และยังพบร่องรอยการชำแหละ ถุงเกลือ ซึ่งอยู่ในจุดที่มีโขดหินบัง สันนิษฐานว่าการชำแหละน่าจะทำจากบริเวณนี้


ตรวจซากเสือดำ พบรอยกระสุนถึง 5 นัด ที่ใบหู 1 นัด กระโหลก 1 นัด อีก 3 นัดพบที่ลำตัว ปรากฏรูและหัวกระสุนติดกับผังผืด ในจำนวนนี้มี 3 นัดเป็นกระสุนลูกซอง อีก 2 นัดคาดเป็นกระสุนปืนไรเฟิล


ดูจากรอยสันนิษฐานว่า น่าจะยิงจากที่สูงกดลงล่าง จากร่องรอยเป็นไปได้ที่เสือดำ อาจถูกยิงและชำแหละตรงลำห้วย ห่างแคมป์ประมาณ 300 เมตร ซึ่งมีทั้งคราบเลือด ถุงเกลือ ซากขนและเครื่องใน


นี่คือส่วนหนึ่งในพยานวัตถุที่เจ้าหน้าที่ใช้เป็นหลักฐาน สรุปสำนวนส่งฟ้องศาลในคดีล่าเสือดำ สู้คดียาวจนถึงฎีกา ใช้เวลา 3 ปี กับอีก 10 เดือน ที่สุดวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ก็มีคำพิพากษาศาลฎีกา สั่งจำคุกนายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน โดยไม่รอลงอาญา สถาพร ด่านขุนทด ข่าว 3 มิติ รายงาน

คุณอาจสนใจ