สังคม

จำคุก 15 ตร. ร่วมงานเลี้ยง 'กำนันนก' ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปล่อยมือยิง 'สว.ศิว' หนี

โดย panwilai_c

9 เม.ย. 2567

144 views

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษาจำคุกตำรวจ-พลเรือน ที่ร่วมงานเลี้ยงบ้านกำนันนก ตั้งแต่ 1 ปี 4 เดือน ถึง 2 ปี ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ-สนับสนุนเจ้าพนักงานฯ ช่วยเหลือ "หน่อง ท่าผา" กับ "กำนันนก" ยิงสารวัตรศิวตาย มีแค่จ่าสิบตำรวจคนเดียวที่สู้คดีชนะ



คดีนี้ต้องย้อนกลับไป 3 ทุ่มเศษของวันที่ 6 กันยายน 2566 นาย ประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก กำนันตำบลตาก้อง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐมจัดงานเลี้ยงขึ้นที่บริเวณบ้านพัก มีประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นลูกน้องและคนสนิทของกำนันนก มาร่วมงาน 27 คน และมีตำรวจยศตั้งแต่สิบตำรวจตรี ถึง พันตำรวจเอก มาร่วมงานถึง 28 คน 1 ในนั้น คือ พันตำรวจตรี ศิวกร สายบัว สารวัตรทางหลวง ซึ่งในคืนนั้นตามรายงานของตำรวจระบุว่า กำนันนกได้เจรจาพูดคุยกับสารวัตรศิว เกี่ยวกับเรื่องการขอตำแหน่งให้คนสนิท แต่สารวัตรศิวไม่รับปาก และยังมีการท้าดวลดื่มเหล้ากำนันนกก็แพ้ ทำให้ขุ่นเคืองใจจนต้องกลับไปนั่งโต๊ะตัวเอง



สารวัตรศิวพยายามไปเจรจาก็โดนไล่กลับมานั่งที่โต๊ะ ก่อนที่นาย ธนัญชัย หมั่นมาก หรือ หน่อง ท่าผา จะลุกขึ้นไปใช้ปืนจ่อยิงสารวัตรศิวที่โต๊ะจีนถึง 4 นัด และกระสุนยังพลาดไปโดน พันตำรวจโท วศิน พันปี รองผู้กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้รับบาดเจ็บ ทั้งที่โต๊ะนั้นมีตำรวจนั่งอยู่ถึง 7 นาย ก่อนที่นาย หน่องจะหลบหนีไป และถูกวิสามัญในช่วงเช้าของวันที่ 8 กันยายน ขณะขับรถหลบหนีไปซ่อนตัวในซอยโรงเจร้างหลังวัดพระแท่นดงรัง อ.ท่าเรือ จ.กาญจนบุรี



และจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ พันตำรวจเอก วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือผู้กำกับเบิ้ม ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ตายและผู้บาดเจ็บได้รับความกดดันอย่างหนักจากกรณีนี้จนใช้อาวุธปืนพกประจำกายอัตวินิบาตกรรมตัวเองที่บ้าน



คดีนี้แบ่งเป็น 2 สำนวน คดีหลัก คือ คดีจ้างวานฆ่าสารวัตรศิว พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง กำนันนก เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ในความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทําความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่นฯ ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีนี้ วันที่ 22 เมษายน 2567 เวลา 9 โมง



ส่วนอีกคดี คือ คดีที่มีคำพิพากษาในวันนี้ (9 เม.ย.67) เป็นคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต เป็นโจทก์ฟ้องพันตำรวจตรี เกียรติศักดิ์ สมสุข สารวัตรสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร กับพวก รวม 23 คน แบ่งเป็นจำเลยที่ 1 ถึงที่ 16 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ถูกฟ้องฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม



จำเลยที่ 17 ถึงที่ 23 เป็นราษฎร เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าพนักงาน ซึ่งรวมถึงกำนันนกที่เป็นจำเลยด้วย



ซึ่งในวันนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาในคดีนี้ โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนจะเริ่มอ่านคำตัดสิน ศาลระบุว่า อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ให้ความใส่ใจคดีประวัติศาสตร์นี้มากเพราะประชาชนทั่วทั้งประเทศให้ความสนใจ ตำรวจทั่วทั้งประเทศเองก็คอยติดตามรอฟังคำพิพากษานี้ว่าผลจะออกมาในรูปแบบใด ศาลจะวางหลักบรรทัดฐานว่าอะไรเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ เมื่อเกิดเหตุความผิดซึ่งหน้าหรือการเผชิญเหตุ เพราะไม่เคยมีกรณีเช่นนี้มาก่อนเลย ถือว่าสะเทือนวงการตำรวจ



ตำรวจได้ตระหนักถึงอำนาจและหน้าที่ตามกฏหมายมีเพียงใด รวมถึงจรรยาบรรณ และจิตสำนึกของการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อันจะเป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่พอเกิดเหตุแล้วไม่กระทำการใด ๆ เลยหรือจะทำการเพียงเล็กน้อยแล้วแยกย้ายหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ



คดีนี้ศาลสอบปากคำพยานเกือบ 40 ปาก พยานวัตถุที่เกี่ยวข้องกับกล้องวงจรปิด และการใช้โทรศัพท์มือถือของจำเลยแต่ละคนมากมาย / เอกสารมากกว่า 6,700 แผ่น โดยศาลใช้เวลา พิจารณาเพียง 5 เดือน 9 วัน ก็เสร็จสิ้น ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้ง 23 คน ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทและหลายกรรมต่างกัน โดยกำนันนกจัดงานเลี้ยงแล้วเชิญตำรวจจากหลายหน่วยงาน และคนสนิทมาร่วมงานจำนวนมาก แต่เกิดไม่พอใจกับสารวัตรศิว จึงให้นาย หน่อง ยิงสารวัตรศิว / จำเลยที่ 1-16 เป็นตำรวจเห็นเหตุการณ์แต่กลับไม่จับ และบางคนกลับรีบขับรถหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ



นอกจากนี้จำเลยที่ 1-2 และ 5 คือ พันตำรวจตรี เกียรติศักดิ์ ร้อยตำรวจโท ประสาร รอดผล และ ร้อยตำรวจโท สรรเสริญ ศรีสวัสดิ์ ยังร่วมกัน พากำนันนกหลบหนีออกจากบ้านที่เกิดเหตุ แล้วยังช่วยกันนำปืนที่ใช้ก่อเหตุไปทำลายหลักฐาน



แต่จำเลยที่ 1-13 เป็นตำรวจปฏิบัติราชการมีผลงานและคุณความดีมาก่อน ทั้งคำให้การในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เช่นเดียวกับจำเลยที่ 17 ถึงที่ 21 และที่ 23 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน จึงมีเหตุบรรเทาโทษ / เห็นสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 1- 3 และที่ 5 จำคุกคนละ 2 ปี / จำเลยที่ 4 ที่ 6 ถึงที่ 13 ที่ 15 ถึงที่ 20 และที่ 23 คนละ 1 ปี 4 เดือน / จำเลยที่ 9 ถึงที่ 11 ที่ 19 ที่ 20 และที่ 23 คงให้ปรับคนละ 40,000 บาท / จำเลยที่ 21 คงจำคุก 1 ปี 9 เดือน 10 วัน / ส่วนจำเลยที่ 22 หรือ กำนันนก ให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีตลอดมาจึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ



ขณะที่จำเลยที่ 9 - 11 เพิ่งเข้ารับราชการตำรวจเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ตำแหน่งพลสำรองสังกัดศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 จังหวัดนครปฐม อบรมออนไลน์ พอบรรจุก็ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง "ตำรวจจราจร "ไม่เคยทำงานด้านงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเลย จึงให้คุมความประพฤติ 2 ปี ทำงานบริการสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นเวลา 30 ชั่วโมง



เช่นเดียวกับจำเลยที่ 19 -20 เป็นเพียงคนงานหรือลูกจ้างทำความสะอาด และจำเลยที่ 23 เป็นเพียงคนขับรถยนต์ของกำนันนก กระทำผิดเป็นครั้งแรก เมื่อคำนึงถึงการศึกษาอบรม อาชีพ สิ่งแวดล้อมและสภาพการกระทำความผิดภายใต้สภาวการณ์ ทั้งไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรรอการลงโทษ และทำงานบริการสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นเวลา 30 ชั่วโมง



ให้ยกฟ้องจ่าสิบตำรวจ อภิรักษ์ โรจน์พวง จำเลยที่ 14 เนื่องจากมีหลักฐานยืนยันได้ว่า พยายามติดตามสถานการณ์จากบุคคลที่เกี่ยวข้อง ขับรถนำสิ่งของผู้ตายมาที่โรงพยาบาลในเวลาที่กระชั้นชิด และไปยืนเฝ้าบริเวณหน้าประตูห้องฉุกเฉินเพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อนในระหว่างการรักษาผู้ตายและผู้บาดเจ็บ กรณีจึงถือเป็นเหตุผลอันสมควร แม้มิได้อยู่ในที่เกิดเหตุก็ถือว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ตามสภาวการณ์ ข้อต่อสู้ฟังขึ้น ไม่ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/FH_osImA6Fg

คุณอาจสนใจ

Related News