สังคม

ดิ้นไม่หลุด! เปิดคำพิพากษา 4 ข้อสำคัญ มัด ‘ลุงพล’ รับโทษ 2 ข้อหา จำคุก 20 ปี

โดย paweena_c

21 ธ.ค. 2566

73 views

เปิดคำพิพากษา 4 ข้อสำคัญ มัด ‘ลุงพล’ พา ‘น้องชมพู่’ ไปที่ภูเหล็กไฟ จนนำไปสู่การรับโทษ 2 ข้อหา จำคุก 20 ปี

จากการที่เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค. 2566) ศาลจังหวัดมุกดาหารได้อ่านคำพิพากษาคดีน้องชมพู่ โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุกลุงพล 20 ปี ในความผิด 2 ข้อหา คือกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี และข้อหาพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10 ปี

ในรายละเอียดสำคัญ ที่ทำให้ศาลเชื่อว่าลุงพลกระทำผิดตามคำฟ้องมีทั้งหมด 4 ข้อสำคัญที่มีความเชื่อมโยงกัน

ข้อแรก วันเกิดเหตุ ตอนประมาณ 9.00 น. น้องชมพู่เล่นอยู่ที่หน้าบ้านพัก และมีพี่สาวเล่นมือถืออยู่ใกล้กัน ต่อมาประมาณ 9.50 น. พี่สาวชมพู่มองไม่เห็นชมพู่ จึงออกตามหา โดยระหว่างที่ชมพู่หายตัวไป ยืนยันว่าไม่ได้ยินเสียงร้องของชมพู่ จึงทำให้เชื่อว่าคนที่พาชมพู่ไป ต้องเป็นคนใกล้ชิดหรือเป็นญาติ เพราะหากคนแปลกหน้าอุ้มน้องชมพู่ น้องชมพู่จะส่งเสียงร้อง

ตำรวจได้สอบปากคำบุคคลใกล้ชิดญาติและคนใกล้ชิดของน้องชมพู่ทั้ง 14 คน พบว่า 13 คน มีหลักฐานการยืนยันว่าขณะน้องชมพู่หายตัวไปอยู่ที่ไหน ยกเว้นลุงพลเพียงคนเดียว ที่ไม่สามารถยืนยันที่อยู่ได้

ข้อที่สอง ลุงพล ให้การพิรุธหลายอย่าง เช่น วันเกิดเหตุ ขณะที่ลุงพล ไปรับพระสุรัตน์ ที่วัดถ้ำภูผาแอก ป้าแต๋นซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ ได้โทรศัพท์บอกว่าน้องชมพู่หายตัวไป ประกอบกับลุงพล เมื่อมาถึงที่วัดตอนประมาณ 10.00 น. ได้บอกกับพระอธิการบุญมา อีกรูปหนึ่งว่า เกือบไม่ได้มาส่ง เพราะหลานสาวหายไป

ตรงนี้กลายเป็นข้อพิรุธสำคัญ เพราะครอบครัวของลุงพลมือโทรศัพท์เพียง 1 เครื่อง จึงเป็นไปไม่ได้ว่า ป้าแต๋นจะโทรศัพท์บอกลุงพลว่าชมพู่หายตัวไป และตอนที่ลุงพลบอกกับพระว่าหลานหายตัวไปนั้น ลุงพลจะรู้ได้อย่างไร เพราะตอนนั้นลุงพลไม่มีโทรศัพท์อยู่ที่ตัว

ประการที่สาม พยานบุคคล คือ พ่อแบม ยืนยันว่าถูกลุงพลข่มขู่ ให้บอกว่าเห็นลุงพลกรีดยาง อยู่ที่สวนยางพารา ตอนประมาณ 07.00 น. ในวันที่น้องชมพู่หายตัวไป ทั้งที่ความจริงพ่อแบมเห็นลุงพลกรีดยางตอนประมาณ 09.00 น. ซึ่งหากลุงพลไม่มีพิรุธ จะไปข่มขู่พ่อแบมปิดบังข้อเท็จจริงกับตำรวจทำไม

และประการที่สี่ จากการเข้าตรวจค้นรถของลุงพล พบเส้นผม 16 เส้น และเมื่อนำเส้นผมไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ ประกอบกับคำเบิกความของพยานผู้เชี่ยวชาญ ปรากฏว่า เส้นผม 1 เส้น ที่ตกอยู่ในรถยนต์ของลุงพล มีองศาของรอยตัด หน้าตัด และพื้นผิวด้านข้าง ตรงกันกับเส้นผมของน้องชมพู่ 2 เส้น ซึ่งเก็บได้จากบริเวณที่พบร่างน้องชมพู่

เส้นผมทั้ง 3 เส้น เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าตัดในคราวเดียวกัน ด้วยวัตถุของแข็งมีคมชนิดเดียวกัน จึงเชื่อว่าลุงพล เป็นผู้ใช้ของแข็งมีคมตัดเส้นผมน้องชมพู่ แต่ด้วยเหตุที่เส้นผมมีขนาดเล็กมาก ทำให้ลุงพลไม่เห็นว่ามีเส้นผมของน้องชมพู่ตกอยู่ในรถ

การสืบสวนสอบสวนของตำรวจ เป็นการรวบรวมพยานหลักฐาน ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ไม่ได้ตั้งเป้าเจาะจงว่าเป็นลุงพลตั้งแต่แรก และไม่ได้เป็นการใส่ร้ายว่าลุงพลพาน้องชมพู่ขึ้นไปที่ภูเหล็กไฟ

แต่ไม่มีเจตนาฆ่าหรือทำร้ายน้องชมพู่ให้ตาย เพราะไม่มีเหตุโกรธเคืองกับน้องชมพู่ หรือพ่อและแม่ของน้องชมพู่มาก่อน แต่เป็นการกระทำที่ประมาทจนเป็นเหตุให้น้องชมพู่เสียชีวิต

ส่วนข้อหา ที่ฟ้องว่าทั้งลุงพลและป้าแต๋น ร่วมกันเคลื่อนย้ายทำลายศพนั้น ไม่มีพยานยืนยันได้ว่าเห็นทั้งสองคนขึ้นไปที่ภูเหล็กไฟ จึงยกฟ้องในข้อหานี้



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/srHduPFNihg

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ลุงพล ,คำพิพากษา ,จำคุก

คุณอาจสนใจ

Related News