สังคม
เร่งหาสาเหตุสะพานท่าเทียบเรือร้างเกาะคณฑีถล่ม ทำวัยรุ่นดับ 1 เจ็บ 4
โดย panwilai_c
16 เม.ย. 2564
58 views
เกิดเหตุสะพานท่าเทียบเรือร้างถล่ม ทำให้สาวนักเรียนพยาบาลปี 3 เสียชีวิต ส่วนเพื่อนอีก 4 คน บาดเจ็บ
เหตุเกิดช่วงเย็นวานนี้ สะพานท่าเทียบเรือร้างเกาะคณฑี หมู่ 2 ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือคอนกรีตร้าง ได้เกิดถล่มทับประชาชนได้รับบาดเจ็บ โดยเป็นกลุ่มวัยรุ่น 5 ราย เป็นชาย 1 หญิง 4
ชาวบ้านบนเกาะเร่งช่วยกันกู้ร่าง และรื้อท่อนปูนซีเมนต์สำเร็จรูป ที่ทับร่างและขาของผู้บาดเจ็บ ก่อนนำตัวทั้งหมดขึ้นเรือหางยาวมาขึ้นฝั่ง โดยหน่วยกู้ชีพเร่งให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทันที
แต่ 1 ในนั้น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ นางสาวอนงค์นาถ หนูดาษ อายุ 20 ปี นักเรียนพยาบาลปี 3 วิทยาลัยพยาบาลและสุขภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า เยาวชนทั้ง 5 ราย เป็นอดีตเพื่อนร่วมนักเรียนชั้นมัธยม ได้มาพบหน้ากันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก่อนจะชักชวนกันเดินทางลงเรือไปเยี่ยมเพื่อนที่ชุมชนบ้านเกาะคณฑี ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับท่าเรือเทศบาลปากน้ำระนอง ใช้เวลานั่งเรือหางยาวรับจ้างข้ามฟากเดินทางไม่ถึง 5 นาที
ก่อนจะเดินทางกลับแวะมาถ่ายรูปและเดินชมวิวที่สะพานท่าเทียบเรือโรงน้ำชาหมออิ๋น ซึ่งชาวบ้านยืนยัน เป็นคอนกรีตร้างเก่า ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 6 เมตร มีสภาพทรุดโทรม ไม่ได้ใช้นานมานานแล้ว ซึ่งเด็กๆ ที่ได้รับบาดเจ็บไม่รู้ ประกอบกับเสาตอม่อที่เป็นปูนเสริมเหล็กชำรุด ไม่สามารถทานน้ำหนักได้ ทั้งคนและแผ่นปูนคอนกรีตสำเร็จรูป จึงพังถล่มลงมา
ความคืบหน้า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระนอง เดินทางไปจุดเกิดเหตุ ตรวจสอบพบว่าจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่ส่วนบุคคของชาวบ้าน ซึ่งมีการต่อเติมเป็นเสาตอม่อยื่นออกไปในคลอง มีสภาพทรุดโทรม เนื่อง่จากมีการก่อสร้างมากกว่า 15 ปี ปัจจุบันไม่มีการใช้งานแต่อย่างใด
โดยบริเวณที่เกิดเหตุได้มีการวางอุปกรณ์กั้นไม่ให้คนและสุนัขเข้าไปในบริเวณดังกล่าว แต่สามารถเดินออกไปได้จากทางหลงบ้าน คาดว่าเมื่อกลุ่มนักศึกษาเดินเข้าไปบริเวณดังกล่าว ทำให้เกิดการยุบตัวระหว่างพื้นเสาตอม่อซึ่งชำรุดและแตกร้าว จนรับน้ำหนักไม่ไหว ทำให้เกิดเหตุพังถล่มลงมา เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระนอง ก็จะเข้าไปพูดคุยกับทางเจ้าของบ้านซึ่งเป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่
สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/vSz5vfX9Ges
