อาชญากรรม
แม่สุดช้ำ! ฝากเลี้ยงลูกป่วยออทิสติกวัย 29 กลับถูกทารุณ มีดแทงอก-สากทุบมือ ยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
โดย paweena_c
17 ก.พ. 2566
136 views
แม่สุดช้ำ ร้อง 'ปวีณา' ทำงานอยู่ประเทศเยอรมัน ฝากเลี้ยงลูกชายออทิสติก เดือนละกว่า 3 หมื่น กลับถูกทำร้ายร่างกาย หนักสุดใช้มีดแทงหน้าอก สากทุบมือ ให้กินข้าวไข่เจียว ข้าวคลุกผงปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จนทุกวันนี้มีอาการหวาดผวา ต่อต้านครอบครัว ต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ภาพร่องรอยบาดแผลที่ อก แขนมือ และใบหน้า เป็นหลักฐานที่ทาง นางแหม่ม (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี แม่ของ นายเม่น (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ลูกชายที่เป็นออทิสติก นำมาร้องกับคุณปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอให้ช่วยเหลือติดตามเรื่องคดีกรณีลูกถูกครูพี่เลี้ยงสถานที่รับดูแลออทิสติกทำร้าย
โดยคุณแหม่ม เล่าย้อนว่า ตนอยู่กับสามีและทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ช่วงเดือน ก.ค.ปี 65 ได้กลับมาเยี่ยมบ้านที่ จ.อุบลราชธานี ลูกชายที่อาศัยอยู่กับยาย บอกว่า อยากไปโรงเรียน และอยากทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ตนจึงได้ติดต่อหาโรงเรียนสำหรับคนออทิสติก และมาได้ที่ย่านบางบัวทอง นนทบุรี
ตนจึงได้ติดต่อและพาลูกไปส่ง พบเป็นบ้าน 2 ชั้น อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีครูพี่เลี้ยง 5 คน ดูแลเด็กออทิสติกที่มีทั้งอยู่ประจำ และไปกลับ ซึ่งครูที่เป็นเจ้าของแจ้งค่าใช้จ่าย เดือนละ 30,000-35,000 บาท ในการอยู่ประจำ และบอกว่าจะสอนให้ช่วยเหลือตัวเอง และมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำ
จากนั้นตนได้ตกลงฝากลูกไว้ที่นี้ โดยพาลูกไปส่งวันที่ 18 ก.ค.ปี 65 พร้อมข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว และยาประจำตัวที่หมอให้ต้องรับประทานทุกวัน ก่อนที่ตนจะเดินทางกลับประเทศเยอรมัน ช่วง 2 เดือนแรก ครูก็จะส่งรูปลูกชายเวลาทำกิจกรรมต่างๆ มาให้ตนดู และครูยังบอกอีกว่า ลูกไม่ให้กินยาต่อเนื่องแล้ว โดยอ้างว่าพาไปหาอาจารย์หมอ บอกว่าลูกชายเป็นปกติไม่ต้องรับประทานยา
ต่อมา เดือน พ.ย.ปี 65 ตนสังเกตเห็นในรูปลูกชายซูบผอม มีร่อยรอยฟอกซ้ำที่ดวงตา ใบหน้า และที่แขน ครูก็อ้างว่าลูกเดินชนก๊อกน้ำ ทีแรกตนก็ไม่คิดอะไร แต่พอผ่านไปร่องรอยที่ใบหน้าและตามตัวก็ยังไม่หาย
กระทั่งวันที่ 30 พ.ย.ปี 65 จึงให้น้องสาวไปเยี่ยมหลาน เมื่อมาถึง ครูอ้างว่าให้น้าเข้าพบไม่ได้ เพราะต้องระวังเรื่องโควิด จึงทำได้เพียงแค่คุยกับหลานผ่านวีดีโอคอล ซึ่งน้าก็สงสารหลานมาก เพราะเห็นมีสภาพซูบผอม และร้องไห้ตลอดเวลา
เมื่อน้องสาวมาเล่าให้ตนฟัง ตนจึงตัดสินใจกลับไทย วันที่ 23 ธ.ค. ปี 65 และแชทคุยบอกครูว่า จะไปรับลูกทันทีที่มาถึง แต่ครูก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่า มีโปรแกรมจะพาเด็กๆ ไปเที่ยว แต่ตนเห็นผิดสังเกตจึงให้คนรู้จักไปดู ก็พบว่าทุกคนยังอยู่ในบ้านไม่ได้ไปเที่ยวไหน ตนจึงแจ้งครูขอให้คนรู้จักรับลูกกลับมา
หลังตนกลับถึงไทยได้พบลูกในสภาพซูบผอม ตามร่างกายมีร่องรอยคล้ายถูกทำร้าย เวลานอนมีอาการหวาดผวา ซึ่งตนต้องใช้เวลาหลายวัน จนลูกบอกว่า ถูกครู 3 คน ทำร้าย โดยครูผู้หญิงใช้ไม้เรียวตีเวลาโมโห และลูกยังบอกอีกว่า มีวันหนึ่งลูกชายทำพริกป่นหกพื้น ครูผู้ชาย มาเห็นจึงเอาพริกป่นยัดใส่ปาก และใส่สากกะเบือตีมือ และอีกวัน ครูผู้ชายอีกคน หาว่าลูกชายไปขโมยขนมจึงเอามีดปอกผลไม้แทงที่หน้าอก ซึ่งตอนนี้ยังมีแผลเป็นอยู่
ต่อมา วันที่ 28 ธ.ค.ปี 65 ตนจึงพาลูกไปพบหมอ และหมอระบุว่า เด็กมีอาการก้าวร้าว และหวาดผวา จึงต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล รวม 21 วัน (ตั้งแต่ที่วันที่ 28 ธ.ค.-18 ม.ค.ปี 66) เพราะต้องดูอาการและปรับยาที่รับประทาน เนื่องจากขาดยามาเป็นเวลานาน ตนเสียใจมากที่ลูกต้องเจอเรื่องแบบนี้ นอกจากนี้ลูกยังบอกว่า เวลาอยู่ที่บ้านครู ส่วนใหญ่ก็จะกินแต่ข้าวไข่เจียว และข้าวคลุกผงปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ทั้งนี้ตนต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และอยากให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบว่า สถานที่ดังกล่าวเปิดถูกต้องหรือไม่ รวมถึง ตรวจสอบใบอนุญาตของครูผู้ดูแล วันนี้จึงมาขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือติดตามเรื่องคดี
หลังรับเรื่องวันนี้ช่วงบ่าย คุณปวีณา จะพาคุณแหม่มไปพบกับ รองผู้กำกับการ สภ.บางบัวทอง นนทบุรี เพื่อแจ้งความเอาผิดสถานรับเลี้ยง และผู้ที่เกี่ยวข้อง
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/qDkBth-JI0Y