อาชญากรรม

‘เจ๊นิด’ วอนขอลูกคืน โต้กลับทุกประเด็น ยันไม่ได้วางยาฆ่าผัว ท้า ตร.เปิดกล้องวงจรปิด

โดย JitrarutP

27 ก.ค. 2565

73 views

กรณีคุณนิดตกเป็นจำเลย วางยาฆ่าผัวตัวเองเสียชีวิต ล่าสุด คุณนิดออกมาโต้สวนกลับพี่ชายสามีทุกประเด็น วอนขอลูกคืน พร้อมท้าตำรวจเปิดกล้องวงจรปิด พิสูจน์ความจริง พร้อมยืนยันไม่ได้ฆ่าผัว แต่ถูกใส่ร้าย


เมื่อวานนี้ (26 ก.ค. 65) คุณนิด ผู้ถูกกล่าวหาว่า วางยาฆ่าสามี ได้ตั้งโต๊ะชี้แจงโต้ฝั่งบ้านผัวในหลายประเด็น โดยคุณนิด เปิดเอกสารคำร้องของศาลเยาวชน ขอดูแลลูก 2 คน (เป็นบุตรของคุณนิดและเสี่ยเก่ง) โดยผู้ร้อง คือ พี่ชายของเสี่ยเก่ง เชื่อว่า เพราะหวังเงินประกัน 60 ล้านบาท แบ่งเป็น เล่มที่หนึ่ง 40 ล้าน เล่มที่สอง 20 ล้าน ที่เสี่ยเก่งทำไว้


คุณนิด กล่าวว่า ขอสู้คดีเต็มที่ด้วยหลักฐานที่มี โดยเฉพาะที่ฟ้องถอดเธอจากความเป็นแม่ ระบุว่า คุณนิด ถือมีความประพฤติชั่วร้าย เป็นเหตุให้ผู้เยาว์ทั้งสองเกิดความหวาดกลัว แต่จุดประสงค์สำคัญ คุณนิดเชื่อว่า คือ การขาดผู้จัดการให้ความยินยอมในการจัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์ทั้งสอง ที่จะต้องได้รับจากบิดาของผู้เยาว์ที่ได้จัดทำประกันชีวิตไว้และผู้เยาว์มีสิทธิจะได้ผลประโยชน์จากกรมธรรม์


ส่วนเรื่องที่บอกว่าไปซื้อยาฆ่าแมลงกับคนใช้ เจ้าตัวยอมรับว่า เรื่องจริง วันนั้นเป็นวันที่ 26 พ.ย.ประมาณบ่ายๆ คุณนิดคุยกับคนใช้ ว่าต้นโพธิ์ 7 สีหน้าโรงงานมันมีแมลงกัด จึงบอกว่าเดี๋ยวไปหาซื้อยาฆ่าแมลง และตัวเองปลูกต้นไม้ขายด้วย ก็ใช้ยาประเภทนี้ตลอด ร้านที่ไปมา เคยไปซื้อแต่ไม่ได้บ่อยนัก วันที่ไป เธอเองขับรถไป พอถึงร้านก็ให้ นางน้อย คนงาน ลงไปซื้อ


ประเด็นนี้สอดคล้องกับที่ทีมข่าวของเราตรวจสอบกับร้านขายอุปกรณ์การเกษตร ที่คุณนิดไปซื้อยาฆ่าแมลง ทางร้านให้ข้อมูลตรงกันว่า คุณนิดอยู่บนรถ ส่วนคนที่ลงมาซื้อ คือ นางน้อย ซึ่งทางร้าน หยิบยาฆ่าแมลง ชนิดน้ำแบบขวด หลายยี่ห้อมาให้เลือก แต่ไม่เอา ก็ยังแปลกใจ บอกขอเปลี่ยนเป็นชนิดผง


ทางร้านจึงไปค้นในสต็อกดู พบว่ายาฆ่าแมลงฆ่าหนอนชนิดผงอยู่หลายซอง หนึ่งในนั้นคือ "แลนเนท" หรือ "เมโทมิล" ซองสีแดง ซึ่งเป็นยาอันตราย ใช้เป็นยาเบื่อ ปกติไม่ค่อยมีใครใช้ จากนั้นหญิงคนนั้นเดินกลับไปที่รถ ก่อนเดินกลับมาและตัดสินใจ เลือกแลนเนท ซองแดงดังกล่าวไป 1 ซอง ก่อนขึ้นรถออกไปทันที ไม่คิดว่าจะเอาไปวางยาฆ่าคน


ส่วนกล้องวงจรปิดที่ร้าน ตำรวจเคยเข้ามาตรวจสอบแล้ว ตอนนั้นกล้องบันทึกแค่วันต่อวัน จึงไม่เห็นภาพอะไร แต่มีกล้องวงจรปิดจากร้านใกล้เคียงที่เห็นทั้งคู่มาซื้อของ ซึ่งตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐานแล้ว และข้อมูลตรงนี้ ทางร้านอุปกรณ์การเกษตรก็ให้ปากคำกับตำรวจไปแล้ว


ส่วนประเด็นสำคัญ ที่มีพยาน รวมถึงหลักฐานกล้องวงจรปิดในโรงงาน เห็นว่า ตัวคุณนิด มีการโยนถุงบางอย่างทิ้งข้ามกำแพงโรงงาน ขณะที่ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุวันที่ 27 พ.ย. 64 หลังจากที่ เสี่ยเก่ง แอดมิทอยู่ โรงพยาบาลเพียงวันเดียว ซึ่งตำรวจ ไปค้นจนเจอถุงดำที่อยู่ข้างกำแพงโรงงาน ปรากฎว่า เป็น ยาฆ่าแมลงซองสีแดง และยาฆ่าแมลงชนิดน้ำแบบขวด รวมถึงมีเงินสดด้วย 500,000 บาท นั้น


คุณนิด กล่าวว่า ท้าให้ตำรวจเอาหลักฐานออกมาเลย ตัวเธอเองพร้อมสู้ อย่ามาพูดว่ากล้องเสีย พร้อมยอมรับว่า ตัวเธอเองโยนถุงดำทิ้งจริง แต่ไม่รู้ว่าข้างในเป็นอะไร และถามว่าทำไมต้องเอาไปทิ้ง คุณนิด กล่าวว่า หลังจากสามีวูบและนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลวันที่ 26 พ.ย. และในวันที่ 27 พ.ย. สะใภ้คนโต ก็ได้เข้ามาในบ้าน มาเก็บเอกสารส่วนตัวไปหมดรวมถึงกรมธรรม์ประกัน 60 ล้านบาท ซึ่งเธอเองอยู่บนบ้านกับลูก 2 คน


พี่สะใภ้ บอกให้เธอรับสารภาพไปว่า วางยาฆ่าผัวตัวเอง พร้อมพูดว่า -งฆ่าผัว เดี๋ยวลูกกูรับเลี้ยงเอง และพี่สะใภ้ก็ตบตีเธอ ด้วยความตกใจจึงพยายามขับรถหนีและเอาถุงดำโยนทิ้ง เพราะผู้หญิงคนนี้ สั่งให้ทิ้ง ตัวเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ข้างในถุงดำคืออะไร


ส่วนประเด็นที่บอกว่า เธอเอายาใส่ในขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ใส่ในอาหาร ให้ลูกน้องและคนในบ้านกินนั้น ยืนยันไม่เป็นความจริง เพราะถ้าจริง ต้องมีลายมือ วงจรปิดต้องบันทึกภาพได้ และเธอเองก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร ทุกวันนี้อยู่สุขสบาย มีกิน มีใช้ ไม่มีเหตุจูงใจให้ลงมือทำ สำหรับเรื่องที่ว่าเสี่ยเก่งมีผู้หญิงอื่นนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะเธอกับเสี่ยเก่งก็รักกันดีมาตลอด


ส่วนประเด็น โรงงานอาหารสัตว์เป็นธุรกิจกงสี ให้ฝั่งนั้นเอาหลักฐานมาว่า เป็นกงสี เพราะชื่อโรงงานมีแค่ชื่อเสี่ยเก่ง เป็นเจ้าของ ส่วนชื่อเธอเองที่ไม่ได้อยู่ในที่อยู่โรงงาน เพราะมีบ้านหลายหลัง


ส่วนเรื่องให้ลูกน้องเช็ดน้ำลาย และกีดกันส่งตัวเสี่ยเก่งส่งโรงพยาบาลนั้น ขอชี้แจงว่า ตรงที่เสี่ยเก่งล้มนั้น อยู่ในโรงงาน พื้นมีฝุ่นของอาหารสัตว์ จมูกเสี่ยเก่งติดกับพื้น กลัวจะสูดดมฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าไป จึงบอกให้ลูกน้องเอาทิชชู่มาเช็ดจมูกเสี่ยเก่ง ก็เท่านั้นเอง แล้วจากนั้นลูกน้องจะเอาเสี่ยเก่งขึ้นหลังรถกระบะ ไปส่งโรงพยาบาล เธอเองจึงบอกว่าทำไมไม่เอาเสี่ยไว้ในรถ เอาไปขึ้นหลังกระบะทำไม


สำหรับเรื่องที่เพื่อนสนิทเสี่ยเก่ง ออกมาพูดแฉนั้น เธอยืนยันว่า เพื่อนที่ออกมาพูดมีผลประโยชน์กับโรงงาน ติดหนี้ เขาอาจจะมาพูดเพราะได้ผลประโยชน์จากอีกฝ่าย ก็เป็นไปได้


ส่วนข้อมูลประวัติของคุณนิดที่มาจาก สปป.ลาว และมาพบรักกับเสี่ยเก่งตอนที่เป็นนักร้องร้านอาหารกลางคืนนั้น ยืนยันว่าเธอเป็น คนไทย พร้อมโชว์บัตรประชาชนให้ดู ส่วนเรื่องเป็นนักร้องไม่ขอตอบเพราะไม่เกี่ยวกับคดี


พร้อมฝากถามอีกฝ่ายว่าถ้าไม่ใช่เรื่องสมบัติ กล้าคืนลูกมาให้เธอหรือไม่ พร้อมเรียกร้องทรัพย์สินคืน เพราะเธอหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง เรื่องเงินประกันของลูก โมฆะไปเลยก็ได้ ไม่ต้องมีใครได้ กล้าหรือไม่



คุณอาจสนใจ

Related News