ผตห.แก๊งอุ้มฆ่านักธุรกิจเยอรมัน ยังให้การปฏิเสธ ด้านตร.เร่งขยายผลเส้นทางเงิน หาผู้สมรู้ร่วมคิดเพิ่ม

ความคืบหน้า คดีฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวเยอรมันในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ล่าสุดตำรวจตามจับทีมอุ้มฆ่าได้เพิ่มอีก 1 คน คือนายซาฮ์รูค คารีม อุดดิน ลูกครึ่งไทย-ปากีสถาน ซึ่งเป็นคนที่นั่งจับตู้เเช่เเข็งบนหลังรถกระบะ ผู้ต้องหาทั้งหมด ยังคงการให้ปฏิเสธเเละไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม มีเพียงหญิงชาวเยอรมัน ซึ่งมีสถานะเป็นผู้เช่าบ้านอ้างถูกนายโอลาฟ ขู่ฆ่า เเละไม่เคยรู้มาก่อนว่าตู้เเช่ที่กลุ่มของนายโอลาฟ ขนมาจะกลายเป็นตู้ซ่อนศพของนายฮันส์ ปีเตอร์


การสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหายังดำเนินต่อไป เเม้จะไม่มีใครยอมเปิดปากให้ข้อมูลหรือรับสารภาพ เเต่จากพยานหลักฐานเเละพฤติการณ์ทางคดี ตำรวจเชื่อมั่นเเน่นหนาพอที่จะเอาผิดกับทีมอุ้มฆ่าได้ทั้งขบวนการ


ทีมสืบสวนอยู่ระหว่างขยายผลไปถึงสมาชิกเเก๊งคนอื่นๆ ไล่ตั้งเเต่คนบงการ คนวางเเผน สั่งการ ฝ่ายปฏิบัติการ เเละกลุ่มที่มีส่วนรับผลประโยชน์ หลังพบว่าเส้นทางการเงิน ถูกโอนออกจากบัญชีของผู้ตายหลายครั้งจำนวนหลายล้านบาท เเละบางส่วนพบเป็นบัญชีม้า


โดยเฉพาะนายโอลาฟ ชายชาวเยอรมัน ซึ่งถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการสังหารนายฮันส์ ปีเตอร์ ในบ้านพบทั้งเลื่อยเเละอุปกรณ์พันธนาการ สันนิษฐานว่า คนร้ายเอาศพไปเเช่ก่อนเพื่อให้เลือดเเข็งตัว เเล้วจึงเอาร่างออกมาหั่นชำเเหละ


นางสาวมิกกี้ หรือนิโคล ไม่ได้ถูกออกหมายจับ เเต่ถูกควบคุมตัวเเจ้งข้อกล่าวหา หลังทราบว่าเธอมีชื่อเป็นผู้เช่าบ้านที่พบศพ เธอหวาดระเเวงเเละหนีไปซ่อนตัวในร้านอาหารเเห่งหนึ่งในบางละมุง พยายามกรีดข้อมือ อ้างว่า "ต้องตายวันนี้ ถ้าไม่ตายก็ต้องถูกตามฆ่า"


เธอเล่าว่า นายโอลาฟ ได้นำตู้แช่แข็งมาฝากไว้ที่บ้าน พยายามถามว่าเป็นตู้อะไร เเต่ก็ถูกขู่ว่าให้อยู่เฉยๆ ไม่ต้องพูดมาก ไม่งั้นจะฆ่าให้ตาย ยืนยันไม่รู้มาก่อนว่าในตู้มีศพ กระทั่งทราบจากข่าว ก่อนตัดสินใจหนีออกมาซ่อนตัวในร้านอาหาร


คดีนี้ตำรวจออกหมายจับ 3 คน คือนายโอลาฟ นางเพทรา ทั้ง 2 ถูกจับเเล้ว ส่วนอีกหนึ่งคนชื่อ นายซาฮ์รูค คารีม อุดดิน ลูกครึ่งไทย-ปากีสถาน ที่มีภาพปรากฏในวงจรปิด นั่งท้ายรถกระบะอยู่กับตู้เเช่ หลังก่อเหตุ หนีไปซุกที่กาญจนบุรี ตำรวจตามเเกะรอย กระช่วงบ่ายวันนี้ นายซาฮ์รูคถูกจับ ถูกคุมตัวกลับมาที่ สภ.หนองปรือ ที่ชลบุรี

การเปิดเผยของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ตั้งปมสังหารไว้หลายประเด็น หลักๆ สันนิษฐานเป็นการมุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ เเละอาจเกี่ยวโยงกับเรื่องผลประโยชน์ในพื้นที่พัทยา เนื่องจากผู้ตายเป็นนักธุรกิจกว้างขวาง เเละอาศัยอยู่ที่เมืองไทยมานาน ประกอบกับมีข้อมูลว่า นายโอลาฟ ซึ่งเป็นคนชาติเดียวกัน พัวพันอยู่ในเเก๊ง Outlaws ซึ่งเป็นกลุ่มมาเฟียที่เเฝงตัวเข้ามาเคลื่อนไหว เเละมีเครือข่ายกระจายอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก

โอลาฟถูกจับในคลับเเห่งหนึ่ง ในกรุงเทพ จากภาพจะเห็นสัญลักษณ์รูปหัวกะโหลกติดที่ผนัง เป็นที่รู้กันในกลุ่มว่า เเก๊ง Outlaws โหดเหี้ยม เเละมีสโลเเกนเฉพาะตัว ตำรวจยืนยันจะต้องขยายผลกวาดล้าง เเละผลักดันออกนอกประเทศ หลังสอบปากคำเเล้วจะคุมตัวส่งศาลจังหวัดพัทยาฝากขังต่อไป