ญาตินักธุรกิจเยอรมัน คาใจ จนท. ออกวีซ่าให้แก๊งคนร้าย

มีความคืบหน้าคดีฆ่าหั่นศพ นักธุรกิจเยอรมันวันนี้ญาติผู้เสียชีวิตเดินทางให้กำลังใจตำรวจ บอกว่า พอใจการทำงานของตำรวจ แต่ติดใจการออกวีซ่าให้แก๊งผู้ต้องหา



พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีการฆ่าหันศพ นายฮันต์ ปีเตอร์ ว่า วันนี้ญาติมาขอบคุณติดต่อเรื่องการรับศพ หลังจากที่มีการจับกุมตัวคนร้าย และได้ทรัพย์สินคืน ทางญาติก็สบายใจขึ้น เพราะที่ผ่านมาผู้เสียหายอาจจะไม่เชื่อมั่นตำรวจ แต่ตอนนี้ได้แสดงให้เห็นว่าสามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด

โดยสัปดาห์หน้าจะให้ ผู้กำกับสภ.หนองปรือ ผู้กำกับเมืองพัทยาและเมืองชลบุรี ส่งรายชื่อกลุ่ม แก๊งขบวนการเหล่านี้ใช้ชีวิตที่ไหน มีพฤติกรรมกินเที่ยวย่านใด



พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ บอกว่า แก๊งเหล่านี้อยู่เฉพาะกลุ่ม ไม่กินเที่ยวกับแก๊งอื่น เช่น แก๊งนายโอลาฟ ที่ประเวศ ซึ่งอยู่ในคลับ out law ก็จะกินเที่ยวเฉพาะกลุ่ม ทั่วโลกรู้จักกันดี ยืนยันว่าที่ผ่านมาตำรวจได้ข้อมูลจากชาวบ้านจึงสามารถจับกุม กลุ่มผู้ต้องหาเหล่านี้ได้ ถือว่าประชาชนเป็นนักสืบที่ดี ซึ่งถ้าชาวบ้านมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชาวบ้านจะทำข้อมูลที่มีส่งมาให้เจ้าหน้าที่ ทำงานง่ายขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพัทยา ภูเก็ต สมุย หรือสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก หากมีการทำผิดกฎหมาย ก็สามารถส่งข้อมูลให้ตำรวจได้ 24 ชม.



โดยในวันนี้ทางญาติได้นำข้อมูลการทำวีซ่าผิดกฎหมายมามอบให้กับคณะทำงาน ซึ่งขบวนการนี้มีการร่วมมือกันระหว่างพลเรือน และตำรวจ ตม.พัทยา โดยต่างชาติที่เข้ามาให้ลักษณะนี้ จะเข้ามาด้วยวีซ่า รีไทด์เมน โดยจะต้องมีเงินในบัญชี 8 แสนบาท เมื่อเข้ามาแล้ว ต้องการที่จะอยู่ในประเทศไทยต่อ ก็จะใช้วิธีการไปกู้เงินจากนายหน้ามาใส่บัญชี เพื่อไปแสดงกับ ตม. ขอต่อวีซ่า เมื่อต่อเรียบร้อยแล้วก็จะนำเงินไปคืนให้กับนายหน้าเงินกู้โดยยอมเสียดอกเบี้ย ซึ่งการทำแบบนี้เจ้าหน้าที่ต้องมีส่วนรู้เห็น แต่ในคดีนี้ทางญาติเพิ่งจะนำข้อมูลมาให้ จึงต้องขอตรวจสอบก่อน แต่ถ้าหากพบก็จะดำเนินคดีแยก ออกเป็นอีกคดีหนึ่ง



หลังจากนี้ตำรวจต้องตรวจสอบเบื้องลึกเบื้องหลังวีซ่าของนายโอลาฟ และนางเพธา ว่าได้วีซ่ามาด้วยวิธีการใด และต้องเน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ ตม.ให้การสกรีนคนเข้าประเทศ อย่างเช่นบางคนมีรอยสัก สัญลักษณ์แก๊งยาเสพติด ซึ่งทั่วโลกรู้กันหมด แต่ทำไมที่ไทยถึงไม่รู้



ส่วนการดำเนินคดีกับแก๊งอุ้มฆ่าหันศพนายฮันต์ ปีเตอร์ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ บอกว่า ได้มีการจับกุมผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมดแล้ว รวม5คน 4คนให้การปฏิเสธ ส่วนเจ้าบ้านเช่าให้การรับสารภาพ นอกจากนี้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้ง DNA ลายนิ้วมือ ก้นบุหรี่ รวมทั้งร่างของผู้เสียชีวิต ก็มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งมูลเหตุก็มาจากการประสงค์ต่อทรัพย์ โดยมีนางเพธา เป็นนกต่อและมีนายโอลาฟเป็นตัวการในการสั่งการทั้งหมด ไม่มีเบื้องหลังคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง



ส่วน นายฮันต์ ปีเตอร์จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย และไม่มีเคยมีการทะเลาะเบาะแว้งกับคนในครอบครัว และคนใกล้ชิด



ทางด้านภรรยาของนายฮันต์ ปีเตอร์ และบุตรชาย เปิดเผยว่ารู้สึกพอใจกับการทำงานของตำรวจที่รวดเร็ว เรื่องกระบวนการที่ทำให้สามีตายไม่ติดใจแล้ว เหลือแต่ กระบวนการออกวีซ่าให้กับกลุ่มผู้ต้องหา ว่ากลุ่มคนเหล่านี้สามารถอยู่และก่อเหตุในลักษณะนี้ได้อย่างไร