เรียกสอบ สห.ในค่าย คลายปมยิง 'หมวดบอล' สรุปสำนวนส่ง รอง ผบ.ตร.

อาชญากรรม

เรียกสอบ สห.ในค่าย คลายปมยิง 'หมวดบอล' สรุปสำนวนส่ง รอง ผบ.ตร.

โดย pattraporn_a

15 ก.พ. 2564

101 views

กรณีหมวดบอล ถูกบุกยิงอุกอาจในค่ายทหาร ที่ จ.นครพนม ล่าสุดพนักงานสอบสวนเรียกสอบ สห.ในค่ายที่เกิดเหตุเพิ่มเติม เตรียมสรุปสำนวนรายงาน รอง ผบ.ตร.


ผู้สื่อข่าวยังเกาะติดเหตุคนร้าย ก่อคดีอุกฉกรรจ์จ่อยิง ร้อยโท รุ่งเฉลิม พันธุ์สวัสดิ์ หรือ หมวดบอล อายุ 34 ปี รองผู้บังคับหมวดดุริยางค์ทหาร มณฑลทหารบกที่ 210 ในระยะเผาขนเสียชีวิตคารถมอเตอร์ไซด์ ฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 สีบรอนซ์ ทะเบียน คขร 222 สงขลา ริมถนนหน้ากองร้อยสนับสนุนการช่วยรบ กองพันทหารราบที่ 3 ภายในค่ายพระยอดเมืองขวาง ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม เมื่อคืนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


โดยมือปืนใช้รถมอเตอร์ไซด์ ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับขี่หลบหนีไปทางด้านหลังค่าย ที่สามารถทะลุออกได้หลายทาง เช่น ถนนทางหลวงแผ่นดิน 212 (นครพนม-สกลนคร) หรือ อีกเส้นทางหนึ่งตรงบ้านกุรุคุ ซึ่งหลังค่ายแห่งนี้กำลังปรับปรุงรั้ว และรอบๆ ค่าย ช่างจากการไฟฟ้าเดินสายติดตั้งระบบไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด จึงสันนิษฐานว่า คนร้ายต้องเป็นคนในค่ายอย่างแน่นอน โดยประเด็นการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตั้งไว้ถึง 7 ประเด็น


ซึ่งล่าสุด การสืบสวนของตำรวจ ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พลตำรวจตรี ธนชาติ รอดคลองตัน ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน เชิญสารวัตรทหาร (สห.) จำนวน 8 นาย ที่เข้าเวรบริเวณประตูทางเข้าด้านหน้าในวันเกิดเหตุมาให้ปากคำ หลังพบข้อมูลจากพยานที่เป็นพลทหารเข้าเวรอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ บอกว่า คนร้ายขี่รถมาประกบ เรียกชื่อ หมวดบอล ก่อนจะกระหน่ำยิง 3 นัด เรื่องยิงผิดตัวไม่ใช่แน่นอน ซึ่งคนที่รู้ไทม์ไลน์ของหมวดบอล จะต้องเป็นคนในกองดุริยางค์เท่านั้น ที่รู้การเคลื่อนไหวว่าไปไหนกับใคร และกลับมาเอารถเวลาไหน


ซึ่งก่อนที่หมวดบอลจะถูกยิง ประมาณ 2-3 วัน ได้โทรศัพท์คุยเสียงดังกับใครคนหนึ่ง และหลังเกิดเหตุได้มีการเรียกรวมพลกองดุริยางค์เพื่อเช็คยอด ปรากฏว่ามีทหาร 3 นาย ไม่ได้มาเข้าแถวเช็คยอด โดยมีนายหนึ่งอ้างว่าเข้าไม่ได้เพราะ สห.ไม่ให้เข้าไปข้างใน แต่เมื่อมีการสอบถาม สห.ที่เวรในวันนั้น เผยว่าไม่มีใครมาขออนุญาตเข้าไปในค่ายอย่างที่ทหารนายนั้นอ้าง และเป็นที่น่าสงสัยว่าทหารกองดุริยางค์นายนี้มีรถมอเตอร์ไซด์สีขาว เหมือนกับคนร้ายใช้ก่อเหตุ


ซึ่งหลังสอบสวนเสร็จทาง พันตำรวจโท คำดี เฮียงบุญ รอง ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครพนม จะนำสำนวนการสอบสวน และหลักฐานที่ พฐ.เก็บมาจากที่เกิดเหตุ และบริเวณใกล้เคียงส่งตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขอนแก่น และขอผลการผ่าชันสูตรศพหมวดบอลเพื่อหาวิถีกระสุน มารวบรวมเป็นสำนวนคดี ซึ่งตอนนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์


จากนั้น พลตำรวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. (รองผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ)จะเดินทางมาตรวจสำนวนการสอบสวนอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันศุกร์ ได้มาชี้แนวทางการสืบสวนสอบสวนให้ชุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว


อีกด้าน พันเอก สุขสันต์ พลหล้า รอง เสธฯ มทบ. 210 (มณฑลทหารบกที่ 210) ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับนักข่าวว่า การที่ภรรยาหมวดบอลให้ข่าวการเสียชีวิตของสามีเกิดจากประเด็นขัดแย้งผู้บังคับบัญชานั้น หากท่านไม่รักเมตตาคงสั่งให้ออกจากราชการไปนานแล้ว เพราะการนำน้ำมันหลวงไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ถือว่ามีโทษขั้นให้ออก แต่ท่านให้ภาคทัณฑ์ว่ากล่าวตักเตือน และกรณีที่ไม่ต่อสัญญาให้ภรรยาหมวดบอลเป็นพนักงานราชการ โดยเป็นมติของคณะกรรมการที่ได้รับหนังสือร้องเรียนจากกองทัพบก เพราะสาเหตุใดควรพูดด้วย


นอกจากนี้ รองเสธฯ ยังกล่าวว่า คนร้ายเจาะจงยิงในค่ายเพราะต้องการประจาน ไปสร้างผลงานไว้ที่ไหนในค่ายบ้างคนใกล้ชิดย่อมรู้ดีกว่าใคร


สำหรับคดีนี้ มีผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว 2 ราย คือ ร.ท.ภาณุวิชญ์ โพธิ์ไชยแสน หรือ หมวดทอม ซึ่งต่อมาได้ออกมาเปิดใจกับสื่อว่า ตนเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับหมวดบอล และได้ทำงานร่วมกันตลอด "โดยปกติตนจะเป็นแม่งาน คอยบอกว่า วันนี้ไปเล่นดนตรีที่ไหน รวมถึงการไปเล่นดนตรีข้างนอกต้องขออนุญาตกับผู้บังคับบัญชาก่อน ซึ่งก็ไม่เคยมีปัญหา"


ขณะที่ จ.ส.อ.สุวรรณศรี วงศ์จันทร์ หรือจ่าหำแหล่ จ่าสิบเอก สุวรรณศรี วงศ์จันทร์ หรือ จ่าหำแหล่ ซึ่งเป็นอีกคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่า มีส่วนพัวพันกับการตายของหมวดบอล บอกว่า วันที่เกิดเหตุตนได้ออกไปสวนที่อยู่หน้าค่ายฯ ซึ่งตนมีพยานยืนยันได้ว่า เวลานั้นอยู่ที่ไหนกับใคร ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนประเด็นที่ถูกเชื่อมโยงว่าไปขัดแย้งกับหมวดบอลเรื่องผู้หญิงนั้น จ่าหำแหล่ เผยว่าคู่กรณีไม่ใช่หมวดบอล แต่เป็นลูกน้องของผู้ตาย

ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/-5r8buXkuPE

คุณอาจสนใจ

Related News