สุดผวา ชายบ้า บุกร้านเสริมสวย ยืนจ้องหน้ายกขาเกาเจ้าโลก

จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 6 ลงเหตุการณ์ร้านทำผมแห่งหนึ่งย่านสาธุประดิษฐ์ ถูกคนแปลกหน้าไม่สวมเสื้อ เดินเข้ามานั่งในร้านของตนเองนานกว่า 10 นาที ถามอะไรก็ไม่ตอบและมีพฤติกรรมแปลก ๆ ก่อนจะเดินออกจากร้านไป จึงรู้สึกวิตกกังวลในเรื่องของความปลอดภัยและอยากให้ญาติของชายคนนี้นำตัวไปรักษา

ทีมข่าวช่อง 3 ได้เดินทางไปยังร้านทำผมดังกล่าว เพื่อพบกับคุณจุฑามาศ เจ้าของร้านทำผมและผู้ร้องเรียนเคสนี้ โดยได้พาทีทข่าวสาธิตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พร้อมระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เวลา 17:21 ขณะนั้นมีคนอยู่ในร้าน 4 คน ประกอบไปด้วยตน แฟนตนซึ่งเป็นช่างตัดผมชาย ลูกจ้างหญิง และลูกค้าหญิงที่นอนรอล้างผมอยู่หลังร้าน อยู่ดี ๆ ชายแปลกหน้าคนนี้ก็เดินเข้ามาในร้านโดยไม่ถอดรองเท้า แล้วเข้ามานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามตนทันที ตนเลยถามไปว่ามาทำอะไร ชายคนนั้นก็ไม่ตอบอะไรแล้วหยิบหมอนขึ้นมากอด พร้อมทำท่าเหม่อลอยขยับหัวไปมาตามจังหวะเพลง ตอนนั้นตนเกิดอาการกลัวตกใจมาและทำอะไรไม่ถูก จึงพยายามบันทึกคลิปเอาไว้เป็นพยานหลักฐานพร้อมโทรแจ้งตำรวจ สน.บางโพงพางให้มาจัดการ

ปรากฎว่าชายแปลกหน้ายังคงนั่งในร้านโดยไม่สนใจใด ๆ และยิ้มหัวเราะคนเดียว จากนั้นไม่ถึง 5 นาที ชายแปลกหน้าก็ย้ายมายังโซฟาอีกฝั่งแล้วอยู่ในลักษณะนอน มีบางจังหวะที่ชายแปลกหน้านำมือมาเกาที่อวัยวะเพศเชิงสำเร็จความใคร่ บางจังหวะก็ร้องไห้ออกมา พวกตนก็พยายามโทรเร่งพูดเสียงดังให้ตำรวจรีบมา ซึ่งชายแปลกหน้าก็ได้ยินแต่ไม่สนใจ ยังคงวางท่านิ่งเฉยต่อไป แล้วจากนั้นผ่านไป 5 นาทีก็เดินลุกออกจากร้าน รวมเวลาที่นั่งในร้านประมาณ 10 นาที โดยตนสังเกตว่า ชายแปลกหน้าเดินหลบหลีกปลั๊กไฟและรถเข็นได้ตามปกติ จึงคาดว่า ชายแปลกหน้าอาจจะสติครบถ้วน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเข้ามานั่งในร้านคนอื่นแบบนี้

จากนั้น ตนเห็นว่าชายคนนี้ก็เดินออกจากร้านแล้วเลี้ยวซ้าย จึงพยายามสะกดรอยตามเพื่อไม่ให้คลาดสายตาและสามารถชี้ตัวให้ตำรวจได้ ปรากฎว่าชายคนดังกล่าวเดินเข้าร้านถ่ายภาพที่ถัดออกไป 6 คูหา จากนั้นไม่นานก็เดินออกมาเลี้ยวขวาผ่านหน้าร้านตนแล้วมุ่งหน้าออกไปทางถนนพระรามที่ 3 แล้วตามไม่เจออีกเลย หลังจากนั้น 5 นาทีตำรวจก็เดินทางมาถึงพร้อมกับนำรถตำรวจเร่งตรวจตราพื้นที่เผื่อจะสามารถตามจับได้แต่ไม่เจอตัว ตนจึงตัดสินใจไปแจ้งความที่ สน.บางโพงพาง

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนแค่ลงบันทึกประจำวัน เพราะอ้างว่าชายแปลกหน้ายังไม่ได้กระทำผิดอะไร ชายแปลกหน้าอาจจะเข้าใจว่าร้านสามารถเข้ามานั่งได้เฉกเช่นลูกค้าทั่วไป และยังไม่ได้ลงมือทำลายข้าวของหรือทำร้ายร่างกาย จึงไม่สามารถแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีได้ ส่วนที่ตำรวจมาช้าเนื่องจากเมื่อวานนี้เกิดเหตุปิดล้อมบ้านที่ลุงใช้อาวุธปืนยิงคนในครอบครัวในซอยจันทน์ 23/2 ท้องที่เดียวกัน ซึ่งตนก็เข้าใจเพราะมันเป็นเหตุใหญ่ แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดทางตำรวจถึงไม่จัดสายตรวจอีกทีมที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องระงับเหตุดังกล่าวมาช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน และไม่เข้าใจว่า ต้องรอให้เกิดเหตุหรือได้รับอันตรายก่อนถึงจะสามารถให้ตำรวจจัดการได้ จึงมองว่าการทำงานของตำรวจค่อนข้างจะล่าช้าและมีปัญหา

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ ตนได้นำเรื่องราวนี้โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อช่วยเป็นการตามหาเบาะแสของคนที่อาจจะรู้จักชายคนนี้ รวมถึงเป็นการระวังภัยแก่ประชาชนเพราะตำรวจทำอะไรไม่ได้ ปรากฎว่ามีชาวบ้านในระแวกเดียวกันส่งเรื่องราวระบุว่า ในวันเดียวกันชายคนนี้ก็บุกรุกเข้าบ้านคนอื่นเช่นกัน บางรายถึงขั้นนอนจ้องหน้าแม่ของตนเอง หนักยิ่งกว่าคือเข้าไปนั่งในบ้านแล้วบีบคอแมว จนเจ้าของบ้านถือไม้เบสบอลไล่ตะเพิดออกจากบ้าน แต่ก็ยังไม่มีใครแสดงตัวว่าเป็นคนรู้จักหรือมีใครเคยเห็นชายคนนี้มาก่อนหน้า

จนถึงวันนี้ตนยังคงรู้สึกกลัวและวิตกกังวลถึงความปลอดภัย ไม่นึกไม่ฝันว่าข่าวที่ตนเองเจอบ่อย ๆ เรื่องคนแปลกหน้าหรือวิกลจริตคุกคามจะมาเกิดขึ้นกับตน ชายแปลกหน้าคนนี้บุกเข้ามานั่งในร้านโดยไม่สนใจคนที่อยู่ในร้านถึง 4 คน ซึ่งเพราะโชคดที่มีแฟนอยู่ด้วย เพราะถ้าหากตอนนั้นมีแค่ตนกับลูกจ้างหรือลูกค้าซึ่งเป็นผู้หญิง อาจจะถูกชายคนนี้ล่วงละเมิดทางเพศได้ หรือหากชายคนนี้มีอาวุธเข้ามา ก็อาจจะทำอันตรายได้ วันนี้จึงตัดสินใจปิดร้านเพราะลูกจ้างลา ตนก็ไม่กล้าเปิดร้านคนเดียว กลัวจะแว้งกลับมาทำอันตรายอีก กำลังคิดอยู่ว่าหลังจากนี้คงต้องล็อกประตูทุกครั้งและจะเปิดเฉพาะลูกค้าเข้ามา ซึ่งก็ไม่เหมาะสมเพราะลูกค้าเองก็อาจจะเกิดความอึดอัดได้และมันไม่ใช่หน้าที่ที่เราต้องระมัดระวังตนเอง แทนที่จะเป็นตำรวจมาช่วยจัดการ

จึงอยากฝากเป็นอุทาหรณ์เตือนไปยังประชาชนให้ระมัดระวังบรรดาคนเร่ร่อนหรือคนที่สติไม่ดี ซึ่งอาจจะก่อเหตุคุกคามหรือร้ายแรงกว่านี้ได้ ต้องช่วยกันระมัดระวัง พร้อมฝากความหวังไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะช่วยป้องกันและปราบปรามกลุ่มคนเหล่านี้ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนรวดเร็วกว่านี้ ไม่ใช่รอให้เกิดเหตุอันตรายร้ายแรงก่อนถึงจะเดินทางมาให้ความช่วยเหลือ