ข่าวโซเชียล

สาวมึน กลับไทยในรอบ 2 ปี ศุลกากรค้นแบรนด์เนม เก็บภาษีกว่าครึ่งแสน แฟนต่างชาติโดนด้วย

โดย thichaphat_d

24 พ.ค. 2565

18.2K views

สาวบินกลับไทยในรอบ 2 ปี เจอกรมศุลกากรสุวรรณภูมิ รื้อกระเป๋าเช็กแบรนด์เนม สั่งถอดเครื่องประดับ แว่นสายตายังไม่เว้น แฟนต่างชาติก็ไม่รอด สรุปเจอเก็บภาษีกว่า 5 หมื่น


วันที่ 21 พฤษภาคม 2565 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pang Ban ออกมาแชร์ประสบการณ์ที่ไม่คาดคิดหลังเดินทางกลับไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี โดยเดินทางมากับแฟนชาวต่างชาติ ขณะผ่านด่านศุลกากรที่สนามบินสุวรรณภูมิ ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาดึงและบอกให้เธอกับแฟนเอากระเป๋าไปสแกนจากนั้นเรียกให้เข้าไปในห้องตรวจค้น


ต่อมามีเจ้าหน้าที่เข้ามา 8-9 คน เปิดค้นกระเป๋าทีละใบอย่างละเอียด ก่อนจะแยกไปเฉพาะของแบรนด์เนม ทั้ง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หมวก แว่นตากันแดด แว่นสายตา กระเป๋าตังค์ กางเกง แต่ที่ตกใจที่สุดคือบอกให้ถอดเครื่องประดับที่สวมใส่ ทั้ง กำไล สร้อยคอ ต่างหูด้วย แหวน ก่อนจะพาเข้าอีกห้องเพื่อค้นร่างกาย ทั้งเธอกับแฟน โดยไม่ให้บันทึกภาพอะไรทั้งนั้น


เจ้าหน้าที่ทำการตรวจว่าของแต่ละชิ้นมีมูลค่าเท่าไหร่ โดยไม่สนว่าชิ้นนั้นใช้แล้วหรือไม่ เธออธิบายว่าของทุกชิ้นใช้แล้ว และมีหลักฐานยืนยัน ยกเว้น รองเท้า 2 คู่ 1 คู่เพิ่งซื้อที่ดิวตี้ฟรีเกาหลีใต้ ซึ่งแฟนเป็นคนซื้อมาฝากน้องสาวซึ่งมีหลักฐานการคุย อีกคู่ของใหม่แต่ทำส้นแล้ว จะเอามาใช้ที่ไทย ของทุกชิ้นเราอธิบายหมดแล้ว มีหลักฐานการใช้ แม้กระทั่งเสื้อผ้า มีการซักแห้งมาแล้ว มีกลิ่นน้ำยาหมด กางเกง Gucci ของแฟนซึ่งใส่กล่องมา ก็มีหลักฐานว่าใส่แล้ว เธอบอกไปว่าไม่เชื่อก็ลองดม ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่หนึ่งคนดมจริงๆ


เจ้าหน้าที่อีกคนเดินมาบอกว่า ของที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดจะถูกยึด เธอตกใจมากจึงถามไปว่าทำอะไรผิด ใช้ของแบรด์เนมไม่ได้เลยหรือ เจ้าหน้าที่บอกว่า ใช้ได้ แต่ต้องเสียภาษี คุณไม่ทราบหรือว่า ของติดตัวเข้าประเทศได้ทั้งหมดไม่เกิน 20,000 บาท เธอจึงบอกว่า มาในฐานะนักท่องเที่ยวและก็ไม่ค่อยได้อยู่ที่ไทย มาครั้งนี้ของทุกชิ้นก็จะกลับเอากลับไปเหมือนเดิม ซ้ำแฟนของเธอเป็นชาวต่างชาติทำไมต้องเสียภาษีให้ แต่เจ้าหน้าที่ยืนกรานว่าถ้าไม่จ่ายจะยึดของ และจะขึ้นแบล็กลิสต์ไม่ให้เข้าประเทศได้อีก เธอก็ยังไม่ยอม และได้ทำการปรึกษาทางพี่ ๆ เพราะดูแล้วเหตุการณ์แบบนี้ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น


สักพักหนึ่งทางเจ้าหน้าที่อีกคนบอกว่า ถ้าชิ้นไหนมีหลักฐานการใช้แล้วจะยอมปล่อยไป แต่ถ้าชิ้นไหนไม่มีหลักฐานจะถูกคิดภาษี ปรากฏว่ากระเป๋า Chanel เพิ่งเอามาใช้ กับ รองเท้าอีก 2 คู่ และเสื้อคลุม Gucci เพิ่งใช้ไปไม่มีรูปถ่ายมาก่อนจึงโดนภาษีไป เกือบ 7 หมื่นบาท และยืนยันจะเก็บภาษีกับแฟนของเธอค่ารองเท้า ซึ่งแฟนเธอไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน


โดยอัตราการคิดภาษี กระเป๋า 20% (+vat 7%) รวม 27% ส่วนรองเท้าและเสื้อผ้า 30% (+vat7%) = 37% ซึ่งเธอก็ไม่ยอม จึงยืนรอจนเวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มมา ลดหย่อนให้จนเหลือ 54,000 บาท


เจ้าของเรื่องราวฝากเตือนว่า ต่อไปนี้ใครจะใส่แบรนด์เนมต้องระวัง เพราะอาจจะถูกจ้องตั้งแต่ลงจากเครื่อง ดังนั้นหลักฐานที่แสดงการใช้งานต้องมีให้ครบ ยอมรับว่าเสียความรู้สึกมากเพราะเดินทางมาแบบไม่คิดจะปกปิดอะไรแต่กลับเจอแบบนี้ ซ้ำยังมาเก็บภาษีกับชาวต่างชาติจึงเสียความรู้สึกมาก ยืนยันว่าที่ประเทศอย่างเกาหลีใต้ไม่มีเคสแบบนี้


ทั้งนี้ หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีการแชร์ไปกว่า 1 พันครั้ง ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งมาคอมเมนต์ว่า เธอก็กลับไทยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ก็เจอเคสแบบคล้ายกันนี้เลย ของใช้มาเป็นปีมีใบเสร็จก็ยังโดน ตอนแรกเจอเก็บภาษีถึง 130,000 บาท แต่เธอไม่ยอม สุดท้ายเจรจาจ่ายที่ 60,000 บาท


ขณะที่ ความคิดเห็นบางส่วนแนะนำว่า หากจะหลีกเลี่ยงที่จะโดนแบบนี้ ก็ควรสำแดงขาออกจากประเทศต้นทาง เพื่อเป็นหลักฐานเพื่อป้องกันไว้ หรือให้เอาของฝากไว้ที่ศุลกากร (Customs Bond) แล้วรับกลับตอนออกจากประเทศ แต่บางมุมก็คอมเมนต์ถึงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ในเคสนี้ เพราะดูจากพาสปอร์ตก็น่าจะรู้ว่าเป็นแค่การแวะมาเที่ยว แต่กลับมีการถูกเก็บภาษีของเกือบทั้งตัวแถมแฟนชาวต่างชาติก็ยังโดนด้วย จึงดูไม่เหมาะสมหรือไม่



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/ipuxgwfG9qg

คุณอาจสนใจ

Related News