สังคม
แม่ช็อก ฝากพี่เลี้ยงสาวสองดูแลลูก 4 เดือน ไม่ถึงวันชักเกร็ง-เลือดออกในสมอง พบประวัติมีคดีทำร้ายเด็ก
โดย nicharee_m
7 ต.ค. 2566
234 views
แม่ร้องนำลูกวัย 4 เดือน ฝากพี่เลี้ยงช่วยดูแล ผ่านไปไม่ถึงวันเด็กชักเกร็ง หมดสติ หัวใจหยุดเต้น ก่อนจะปั๊มหัวใจกลับมาได้ - ขณะที่หมอตรวจพบเลือดออกในสมอง อาการเข้าขั้นโคม่า ฝั่งพี่เลี้ยงบอกเด็กสำลักนมเองแต่แม่ไม่เชื่อ ตรวจสอบภายหลังพบพี่เลี้ยงเคยมีคดีทำร้ายเด็ก 4 เดือนอีกคนแล้วก่อนหน้า
จากกรณีที่มีหญิงสาวรายหนึ่งได้มีการร้องทุกข์มายัง น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง ให้เข้าช่วยเหลือ เนื่องจาก น้องเอ (นามสมมุติ) ลูกสาววัย 4 เดือน หมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากที่นำลูกสาวไปฝากเลี้ยงไว้กับพี่เลี้ยง ซึ่งทางหญิงสาวคนดังกล่าวสงสัยว่า ลูกสาวอาจจะถูกพี่เลี้ยงทำร้ายก็เป็นได้ เพราะหลังจากเกิดเหตุ แม่เด็กเพิ่งมาทราบประวัติพี่เลี้ยงคนดังกล่าวว่า เคยถูกทางผู้ปกครองเด็กแจ้งความดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกายเด็กเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีใด ๆ นั้น
วานนี้ (6 ต.ค.66) ทีมข่าวได้คุย น.ส.หนึ่ง(นามสมมติ) อายุ 19 ปี แม่เด็กวัย 4 เดือน เผยว่า ก่อนหน้านี้ตนรู้จักกับนายแก้ม สาวประเภทสอง พี่เลี้ยงเด็กคนดังกล่าวผ่านประกาศรับจ้างเลี้ยงเด็ก ทางเฟซบุ๊ก โดยเจ้าตัวเรียกค่าจ้างอยู่ที่เดือนละ 5,000 บาท ตนจึงตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงคนดังกล่าว เนื่องจากตนต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดเป็นประจำ จึงไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูก
หลังจากนั้น วันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนได้มีการจ่ายเงินมัดจำให้กับนายแก้มเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท และต่อมาวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา นายแก้มได้มีการทักแชทมาขอเบิกเงินล่วงหน้า จำนวนเงิน 500 บาท รวมทั้งค่าส่วนต่างเป็นเงินที่ซื้อเครื่องใช้สำหรับเด็กอีก 400 บาท ซึ่งตนก็ได้โอนเงินจำนวน 900 บาทให้ พร้อมได้มีการส่งสลิปเงินไปในแชท
ต่อมาวันที่ 23 ก.ย. วันแรกตนได้นำลูกไปให้นายแก้มเลี้ยงเป็นวันแรก ก่อนที่ช่วงเย็นจะรับกลับมาอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา นายแก้มได้ติดต่อมาหาตน และบอกว่า ให้ต้นกลับมารับลูกไปดูแลต่อ เนื่องจากแม่ของนายแก้มเข้าโรงพยาบาลจึงไม่สะดวกเลี้ยงดูเด็ก ตนจึงเดินทางไปรับลูกสาวกลับบ้าน แต่ที่เริ่มรู้สึกผิดสังเกต คือ ลูกสาวมีอาการไข้ขึ้นติดต่อกันประมาณ 3 วัน ตนเองจึงดูแลลูกจนกันดีขึ้น
จนกระทั่งวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา ตนได้นำลูกสาวกลับไปให้นายแก้มเลี้ยงดูอีกครั้ง โดยพาลูกไปส่งเวลา 20.00 น. ตนยืนยันว่าตอนที่พาลูกไปส่งที่บ้านนายแก้ม ตอนนั้นลูกยังปกติดีทุกอย่าง
ต่อมาเช้าวันที่ 4 ต.ค. พี่สาวของตนได้รับแจ้งจากนายแก้ม ว่าเช้าวันนี้น้องมีไข้ และสำลักนม จนเวลาประมาณ 14.00 น. นายแก้มได้แจ้งพี่สาวของตนว่าว่าลูกของตนหมดสติ ตนจึงรีบโทรศัพท์หานายแก้มทันที เพื่อที่จะสอบถามอาการลูกสาวว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ตอนนั้นนายแก้มได้บอกกับตนว่าเขาปลุกน้องน้ำเพชรแล้ว แต่น้องไม่ยอมตื่น ตนเริ่มใจไม่ดี จึงได้สอบถามกับนายแก้มอีกครั้งว่าน้องยังหายใจอยู่ไหม นายแก้มเอาหูไปแนบบริเวณหน้าอกของลูกสาวตน ก่อนจะตอบกลับมาหาตนว่าตอนนี้น้องไม่หายใจแล้ว ตนจึงรีบบอกให้นายแก้มโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล ก่อนที่ตนจะเดินทางไปที่บ้านนายแก้มที่ บริเวณอ่อนนุช ซอย 59 ทันที
ในระหว่างที่ตนกำลังเดินทางไปที่บ้านของนายแก้ม ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายแก้มอยู่ตลอดเวลา และพยายามบอกให้ในแก้มช่วยปั๊มหัวใจเบื้องต้นให้กับลูกสาวตนก่อน ในระหว่างที่รอรถพยาบาล หลังจากนั้นตนได้ไปถึงบ้านของนายแก้มช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. พบว่ามีเจ้าหน้าที่พยาบาลกำลังปฐมพยาบาลให้กับลูกสาวตน โดยพยายามช่วยกันปั๊มหัวใจ เนื่องจากขณะนั้นลูกสาวตนมีอาการหัวใจหยุดเต้น จนทำให้ลูกสาวตนที่จะกลับมามีชีพจรอีกครั้ง ก่อนจะนำส่งโรงพยาบาลทันที
จากการสอบถามแพทย์ทราบว่า ลูกสาวตนมีเลือดออกในสมอง และใต้กะโหลก รวมถึงมีภาวะสมองบวม จึงเป็นเหตุทำให้ทางแพทย์ต้องคอยให้ยาลดสมองบวมอยู่ตลอดเวลา ขณะนี้ทางโรงพยาบาลยังไม่สามารถสรุปได้ว่าลูกสาวตนโดนทำร้ายหรือไม่ แต่จากที่แพทย์ดูอาการคล้ายกับว่าเด็กถูกกระแทกอย่างรุนแรง ไม่ได้เกิดจากการสำลักนม และบอกให้ตนทำใจไว้ เนื่องจากอาการของลูกสาวตนค่อนข้างแย่โอกาสที่ลูกสาวจะกลับมาแทบไม่มีเลย
หลังเกิดเรื่องตนถึงทราบว่านายแก้มเคยมีประวัติก่อเหตุทำร้ายเด็กมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยผู้ปกครองของเด็กที่ถูกทำร้ายได้แจ้งความไว้ แต่คดีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ตนอยากขอร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยพิสูจน์ความจริง และช่วยดำเนินการทางคดีให้ครอบครัวของตนด้วย
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เดินทางมาที่ สน.ประเวศ เพื่อมาพบกับนางสาวมิ้น (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ผู้เสียหายอีก 1 ราย เผยว่า ก่อนหน้านี้ตนมีความจำเป็นที่จะนำน้องพอล ซึ่งเป็นลูกชายตอน เดือนสิงหาคม 66 วัย ลูกชายอายุ 4 เดือน ตนได้นำไปฝากพี่เลี้ยงเด็ก จึงเสิร์ชหาข้อมูล และเห็นว่านายแก้มมีการโพสต์รับเลี้ยงเด็ก ประกอบ กลับสถานที่เลี้ยงเด็กก็อยู่ใกล้บ้าน จึงตัดสินใจนำลูกชายไปฝากเลี้ยงกับนายแก้ม ด้วยการจ้างต่อเดือน เป็นจำนวน 9,000 บาท ไม่รวมค่าอุปกรณ์เลี้ยงเด็กต่างๆ
หลังจากนำลูกชายไปฝากไว้กับนายแก้มได้เพียง 20 วัน ณ ตอนนั้น ตนเองป่วยและไม่สบายจึงไม่สามารถไปเยี่ยมลูกชายได้ จึงให้นายแก้มส่งคลิปและรูปของลูกชายส่งมาให้ดูทางไลน์ กลับปรากฏว่านายแกมีพิรุธและเงียบหายไปเมื่อส่งคลิปมาให้อีกทีนึงก็เห็นร่องรอยบาดแผลบริเวณใบหน้าและตามร่างกายของลูกชายจึงตัดสินใจเข้าไปหา
เมื่อไปถึงนางแก้มก็ทาแป้งให้กับลูกชายแต่เมื่อลองลบแป้งดูก็เห็นว่ามีบาดแผลและร่องรอยได้รับบาดเจ็บจริงโดยเฉพาะบริเวณแก้มทั้งซ้ายและขวาของใบหน้า บริเวณใบหูยังพบร่องรอยเหมือนถูกกัด ซึ่งเชื่อว่าน่าจะโดนนายแก้มกัด บริเวณลำคอยังพบร่องรอย คล้ายถูกบีบคออีกด้วย
เมื่อถามนายแก้ม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายตัวเองนายแก้มอ้างว่า ทำโทรศัพท์ตกใส่ ส่วนแผลอีกจุดหนึ่งเกิดขึ้นเพราะ น้องมีอาการคันจึงเกาที่บริเวณใบหน้าเอง ในขณะที่นำน้องมาส่งให้นายแก้มยังมีพิรุธด้วยการห่อน้องมาอย่างมิดชิดเหมือนไม่อยากให้แม่เห็นร่องรอยบาดแผล
นายแก้มปฏิเสธยืนยันว่า ไม่ได้ทำร้ายร่างกายลูกของตัวเอง แต่ตัวเองไม่เชื่อจึงไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลและมาแจ้งความในวันรุ่งขึ้นเพื่อดำเนินคดีทันที
ในขณะที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์นางสาวมิ้นอยู่ระหว่างนั้นทางเจ้าที่ตำรวจได้มีการเชิญตัว นายปิยพงษ์ หรือนายแก้ม (พี่เลี้ยงเด็ก) มาพูดคุยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเจ้าตัวมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนด้านคดี เบื้องต้นได้มีการตั้งข้อกล่าวหาความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ในกรณีของน้องพอล เพราะผลแพทย์ได้มีการระบุชัดเจนว่า ถูกทำร้ายร่างกาย ในส่วนกรณีของน้องน้ำเพชรนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างรอผลการแพทย์อยู่ ก่อนมีการตั้งข้อกล่าวหา
จากการสอบปากคำนายแก้ม เบื้องต้นได้ให้การว่า เคยรับเลี้ยงเด็กมา ทั้งหมด 5 คนซึ่ง 3 คนแรกก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร จนกระทั่งมา 2 คนหลัง คือ น้องพอล และน้องน้ำเพชร ซึ่งทางนายแก้มยืนยันว่าไม่เคยมีการทำร้ายร่างกายเด็กทั้ง 2 คน แต่อย่างใด หลังจากนี้ทางเจ้าที่ตำรวจจะมีการเชิญตัวพยานซึ่งเป็นชาวบ้านละแวกจุดเกิดเหตุมาให้ปากคำว่า วันเกิดเหตุนั้น ได้ยินเสียงร้องหรือเสียงทำร้ายร่างกายเด็กหรือไม่
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/ppzO-MFu63c