สังคม

ตร.นำ พ่อแม่ ‘น้องต่อ’ เข้าเครื่องจับเท็จ สอบสวนนาน 11 ชม.- ช็อก! ผลตรวจดีเอ็นเอตรง ‘ลุงแจ้’

โดย petchpawee_k

18 ก.พ. 2566

100 views

ตร.นำ พ่อ-แม่ น้องต่อ เด็กชายวัย 8 เดือนเข้าเครื่องจับเท็จ หลังหายตัวปริศนา 13 วัน ใช้เวลาสอบ11 ชั่วโมง โดยแม่ถูกสอบนายที่สุด ด้านบิ๊กโจ๊ก เผย ผลตรวจดีเอ็นเอน้องต่อ ไม่ตรงกับนายพุด สามีแม่ แต่ตรงกับชายคนสนิทแม่

ความคืบหน้าการหายตัวปริศนาของน้องต่อ หรือเด็กชายต่อศักดิ์ อายุ 8 เดือน ที่หายจากบ้านพักขณะนอนหลับกับแม่ ที่อ.บางเลน จ.นครปฐม เป็นเวลา 13 วันแล้ว แต่การค้นหายังไร้วี่แววและไม่พบแม้แต่พยานหลักฐานที่จะไปสู่การคลี่คลายคดี

วานนี้ ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี ตั้งแต่ช่วงเช้าตำรวจได้นำตัวพ่อแม่เด็กเดินทางมาที่นี่เพื่อนำเข้าเครื่องจับเท็จ โดยตำรวจสภ.บางหลวง เดินทางออกจากบ้านพักตั้งแต่ช่วง 06.00 น. มาที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน1 เพื่อนำเข้าเครื่องจับเท็จ สู่การตรวจสอบเพื่อประกอบการสืบสวนสอบสวน

ซึ่งการเข้าเครื่องจับเท็จในวันนี้ เป็นเพียงหนึ่งแนวทางที่จะช่วยคลี่คลายคดีที่ผ่านมา ตำรวจได้มีการเรียกสอบปากคำหลายคน ทั้งชาวบ้านในชุมชน ญาติของพ่อแม่เด็ก รวมทั้งคนที่เคยใกล้ชิดพ่อแม่เด็ก แต่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยใช้เวลาการเข้าเครื่องจับเท็จ 11 ชั่วโมง โดยพ่อสอบ 5 ชม และแม่ 6 ชม.


ซึ่งประเด็นแก๊งลักเด็ก ตำรวจยืนยันว่า ไม่มีประวัติในไทยนานแล้ว จึงสามารถตัดประเด็นนี้ได้ ทำให้ตำรวจพุ่งข้อสงสัย ที่ตัวบุคลใกล้ชิดกับเด็กที่หายตัวไป ซึ่งคดีนี้ก็มีแค่ นางสาวนิ่ม แม่ของเด็ก เป็นคนสุดท้ายที่เห็นเด็กก่อนหายตัวไปออกจากบ้านพัก


ซึ่งการนำพ่อแม่เด็กและบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าเครื่องจับเท็จ แม้ผลการเข้าเครื่องจับเท็จจะไม่สามารถแสดงประกอบสำนวนคดีต่อศาลได้ / แต่เป็นอีกหนึ่งกระบวนการในทางสอบสวน / ตำรวจจะนำตัวบุคคลเข้าเครื่องจับเท็จ  และตั้งคำถามสอบสวนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา  

แต่แตกต่างตรงที่หากเข้าเครื่องจับเท็จ หากกระทำความผิดจะออกอาการ มีการเต้นหัวใจผิดปกติ การเกร็งที่กล้ามเนื้อร่างกาย และความดันผิดปกติ ซึ่งสามารถบ่งชี้ได้ว่ามีพิรุธจริงหรือไม่ในคดี ถือเป็นการทำให้ครบกระบวนการสอบสวน

ทางด้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุถึงผลตรวจดีเอ็นเอของ “น้องต่อ” โดยยืนยันว่า ผลตรวจดีเอ็นเอระหว่าง “น้องต่อ” กับชายคนสนิทแม่ ตรงกัน นั่นหมายความว่าทั้งคู่เป็นพ่อลูกที่แท้จริง ไม่ใช่นายพุด  ซึ่งจะนำ ชายคนนี้ มาเข้าเครื่องจับเท็จที่กองพิสูจน์หลักฐาน 1 พร้อมซักถาม และสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

------------------------------------------------------

ผู้สื่อข่าวเคยสอบถามกับ ลุงแจ้ ที่เคยตกเป็นข่าวกันในช่วงที่น้องต่อหายตัวไป ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อนางสาวนิ่มด้วยและยอมรับว่า เคยมีความสัมพันธ์กับ "นิ่ม" แต่มีสัมพันธ์หลังจากคลอดน้องต่อแล้ว

ทั้งนี้ทีมข่าวได้รับข้อมูลว่า จากการณ์ของลุงแจ้ 4 ครั้ ง ให้สัมภาษณ์ไม่เหมือนกันเลยสักแค่ครั้งเดียว

โดยครั้งแรกบอกว่าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับแม่น้องต่อ / ครั้งที่สองสัมภาษณ์ว่าเคยมีเพศสัมพันธ์กับแม่น้องต่อ 2 ครั้ง / ครั้งที่สามให้สัมภาษณ์กับสื่อออนไลน์บแกว่า เคยมีเพศสัมพันธ์ 2 ครั้ง / และครั้งที่ 4 บอกว่าเคยมีเพศสัมพันธ์ 3 ครั้ง

-----------------------------------------------------

เปิดวงจรปิด พ่อแม่น้องต่อแจ้งเหตุลูกหาย ขี่ จยย.มาแจ้งวันเกิดเหตุ 08.33 น. ขัดแย้งกับไทม์ไลน์ที่พ่อแม่เด็กเคยให้สัมภาษณ์ว่าลูกหายประมาณ 07.00 น.

ทีมข่าวได้เบาะแสใหม่ในคดี โดยมีกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าป้อมจุดตรวจ ตำบลหินมูล สภ.บางหลวง  บันทึก นาทีที่พ่อแม่เด็กขี่รถจักรยานยนต์มาสองคน จอดหน้าป้อมจุดตรวจ ซึ่งในภาพจะเห็นว่ามีตำรวจนายหนึ่งยืนอยู่

จากเหตุการณ์ตามภาพวงจรปิดเกิดขึ้นช่วง 08.33 น. ของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่เด็กหาย โดยเป็นช่วงที่พ่อแม่ของน้องต่อมาแจ้งเหตุที่ป้อมตำรวจว่าน้องต่อหายตัวออกไปจากบ้าน แต่เวลาตามกล้องวงจรปิดทึ่ป้อมตำรวจ ขัดแย้งกับไทม์ไลน์ก่อนหน้านี้ที่พ่อแม่เด็กให้สัมภาษณ์ว่า ลูกหายออกจากบ้านพักช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. จากนั้นก็ ออกไปแจ้งความที่ สภ.บางหลวง

แต่หากดูตามเวลาที่ปรากฏในภาพวงจรปิดพบว่าพ่อแม่เด็กมาแจ้งเหตุที่ป้อมตำรวจในช่วงเวลา 08.33 น. ของวันเกิดเหตุ และไม่ได้ไปที่สภ.บางหลวง แต่เดินทางกลับบ้าน  ซึ่งระยะทางป้อมจุดตรวจห่างจากบ้านพักที่เกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร

แต่ที่ผ่านมา พ่อแม่เด็ก ให้ข้อมูลสื่อว่า ไปแจ้งความที่สภ.บางหลวงแต่คนที่ไปแจ้งตร.สภ.บางเลนในวันที่น้องต่อหายตัวไป คือ ตำรวจที่อยู่ในป้อม ส่วนพ่อแม่เด็ก หายตัวไปจากนั้น จนพบว่าช่วงเวลา 10.00น. พ่อแม่เด็ก มารอตำรวจที่บ้าน

โดยแม่เด็ก ได้ทำความสะอาดเก็บกวาดบ้าน และล้างขวดนมลูกทั้งหมด ซึ่งคนในครอบครัวให้ข้อมูลว่า พฤติกรรมของแม่เด็กปกติ ไม่ค่อยทำความสะอาดบ้านและไม่ล้างขวดนมลูกทันที จะใช้ขวดนมจนหมดก่อนจึงล้าง แต่ขณะที่ลูกหายไป แม่กลับมาล้างขวดนม ทำความสะอาดบ้าน โดยแม่ของเด็กอ้างว่า ตำรวจจะมาก็ต้องทำความสะอาดบ้าน

ขณะที่ทีมข่าวช่อง 3 ได้รับข้อมูลจากชุดสืบสวน วันนี้ได้ลงพื้นที่มาแกะรอยไล่กล้องวงจรปิดในชุมชนอีกครั้ง เบื้องต้นมีรายงานว่าพบ “หลักฐานใหม่” ที่สามารถจับภาพได้อย่างชัดเจนว่ามีรถของบุคคลใดบ้างที่ขับเข้า-ออกบริเวณบ้านหลังเกิดเหตุ  ตอนนี้ทราบว่ามีทั้งหมด 25 คัน เป็นรถกระบะ 1 คัน / รถพ่วงข้าง 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 23 คัน

ซึ่งจากการตรวจสอบแล้ว รถกระบะ 1 คัน เป็นของสารวัตรกำนันในพื้นที่ แต่รถคันอื่นๆ อยู่ระหว่างตรวจสอบ และคัดทีละคัน ทีละภาพว่าเป็นของบุคคลใด ประกอบกับจากการสังเกตลักษณะของการขับรถยังไม่พบพิรุธเพราะทุกคันวิ่งด้วยความเร็ว ไม่ได้ชะลอจนผิดสังเกต แต่อย่างไรก็ตามยังต้องตรวจสอบเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง

ขณะที่ก่อนหน้านี้ มีข้อมูลจากหญิงรายหนึ่งที่ชื่อว่า คุณเจี๊ยบ อายุ 36 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม ให้ข้อมูลว่าเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่า ๆ ขณะขับรถจากกาญจนบุรีกลับบ้านที่นครปฐม ก็พบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย ที่บริเวณแยกห้วยขวาง-กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งห่างจากบ้านน้องต่อประมาณ 35 กิโลเมตร

คุณเจี๊ยบ บอกว่า ระหว่างขับรถ ก็สังเกตเห็นรถจักรยานยนต์ขี่มา เป็นชาย 2 คน เธอสังเกตเห็นว่า ชายที่ซ้อนท้ายเหมือนอุ้มเด็กมา แต่ไม่เห็นหน้า และผิวค่อนข้างขาว ส่วนคนขับรถรูปร่างท้วม สวมเสื้อเเขนยาว คอปก สีดำใส่กางเกงขายาว และคนซ้อนท้ายมามีรูปร่างสูงโปร่งผิวดำ สวมกางเกงขาสั้น และทั้งคู่ไม่สวมหมวกกันน็อก


ทีมข่าวจึงไปตรวจสอบ ภาพวงจรปิดที่อยู่ห่างจากแยกดังกล่าวประมาณ 50 เมตร ซึ่งกล้องวงจรปิดที่พบ ช้ากว่าเวลาจริงประมาณ 10 นาที

อย่างช่วงเวลา 21.54น. (จะเท่ากับประมาณ 22.04น.) ก็พบรถผ่านมา 1 คัน จากนั้นช่วงเวลาในกล้องประมาณ 22.06 น. (เวลาจริงประมาณ 22.16น.) จะมีรถผ่านมาอีกประมาณ 2 คัน และอีกช่วงเวลา ตอนประมาณ 22.26น. (เวลาจริงประมาณ 22.36น.) ก็มีรถอีกคันขับผ่านมา


ในช่วงเวลาดังกล่าว จะเห็นได้ว่ารถจักรยานยนต์ขี่ผ่านถนนเส้นนี้น้อยมาก แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะเป็นรถคันเดียวกับที่คุณเจี๊ยบ ให้ข้อมูลหรือไม่

------------------------------------------------------------------

เปิดพฤติกรรมแม่เด็ก แต่ละวันออกไปอยู่กับชายคนสนิทหลังส่งสามีไปทำงาน และตั้งแต่เกิดเหตุลูกหาย ยังไม่เคยออกตามหาลูก พร้อมระบุ ขอให้ตำรวจไปตามหาลูก เลิกสอบปากคำได้แล้ว / เปิดภาพน้องต่อ เคยมีบาดแผลปากช้ำ ใบหน้ามีรอยคล้านโดนหยิกครอบครัวเอือมระอา แม่ไม่สนใจเลี้ยงลูก


สำหรับครอบครัวของน้องต่อนั้น พบบ่า นางสาวนิ่ม และนายพุก พบรักกันในเฟซบุ๊ก ก่อนที่ นางสาวนิ่มจะย้ายมาอยู่กับนายพุดที่บ้านเกิดเหตุ และอยู่ด้วยกันไม่นานก็ตั้งท้อง


โดยทั้งสองคนมักจะทะเลาะกันบ่อยครั้ง และมีบางช่วง ที่นิ่มบอกกับนายพุดว่า หากไม่ติดว่าท้องจะเลิกไปนานแล้ว และก่อนวันเกิดเหตุน้องต่อหายไป ก็พบว่า ทั้งนิ่มและพุด ทะเลาะกัน เรื่องเลี้ยงลูก ทำให้นายพุดโมโห ฉีกมุ้งที่นอนพัง นางสาวนิ่มก็ด่าและนำมุ้งไปทิ้งขยะ ก่อนที่เช้ามาจะพบว่าลูกหาย


ชีวิตในแต่ละวันของนิ่ม จากการสอบปากคำพบว่า จะตื่นสายกว่าทุกคนในบ้านเมื่อตื่นมาก็จะนำลูกใส่เป้ ขี่รถจยย. ไปส่งสามีทำงานที่โรงงาน จากนั้นก็จะขับรถพาลูกไปหาพ่อที่รับจ้างดูแลบ่อปลา และจะฝากลูกไว้กับพ่อ ไปกับชายคนสนิท และไม่รู้ว่าไปที่ใดบ้าง และบางวัน ก็ไปรับแม่ที่ป่วยไปทำกายภาพ  


และช่วงเย็นก็จะรับสามีกลับจากเลิกงาน และกลับบ้าน ไม่สุงสิงกับคนในครอบครัวและชาวบ้าน จนกระถั่งลูกหายก็ถูกตำรวจนำไปสอบปากคำทุกวัน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ เล่นเฟซบุ๊ก และนอนหลับปกติ ไม่ได้ออกตามหาลูกกันลไพัง มีเพียงชาวบ้านและอาสาสมัคร ที่คอยสอดส่องและตามหา  แต่ละวันออกจากบ้าน ส่งสามีเข้าโรงงานแล้ว ก็พาลูกไปฝากพ่อที่รับจ้างดูแลบ่อปลา 


สำหรับน้องต่อนั้นอายุ 8 เดือน กำลังหัดคลานและเริ่มนั่ง ทีมข่าวได้ภาพถ่ายของน้อง ที่ไม่ใช่จากแม่เด็ก พบว่า ใบหน้าน้องต่อมีรอยช่ำ บวมแดงที่ปาก เนื้อตัวมอมแมม และใบหน้าก็มีรอยคล้ายรอยเล็บ ส่วนภาพล่าสุด ก็มีใบหน้าคล้ายเป็นโรคผิวหนัง แต่แม่ของเด็กไม่เคยเปิดเผยภาพที่แท้จริง ภาพที่สื่อออกไปก่อนหน้านี้เป็นภาพที่ผ่านการตกแต่งจากแอพพิเคชั่น


และก่อนเกิดเหตุพบว่า นางสาวนิ่ม แม่ของน้องต่อ โกนหัวน้องต่อโดนไม่ทราบเหตุผลว่าเพราะอะไร ซึ่งขณะที่โกนก็ทำให้ใบมีดโกนแฉลบกับศรีษะลูกจนเป็นแผลหลายที่ ก่อนจะมานอนหลับช่วงเย็นทำให้พบว่ามีคราบเลือดที่หมอนของน้องต่อ


นอกจากนี้แหล่งข่าวยังให้ข้อมูลว่า การตรวจหลักฐานในบ้าน พบคราบเลือดที่ท่อน้ำทิ้งหลังห้องน้ำ และช่วงที่เจ้าหน้าที่ตรวจบริเวณนี้ ก็มีบุคคลหนึ่งมีท่าทางพิรุธ พยายามจะนำย้ำมาราดที่ท่อและจะจับท่อให้เจ้าหน้าที่ แตกต่างจากจุดอื่นๆในบ้าน
-------------------------------------------------------

ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา โพสต์สรุป 13 วัน น้องต่อวัย 8 เดือนหาย

 วานนี้ (วันที่ 17 ก.พ.) เพจ ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า 13 วัน น้องต่อ เด็กหายวัย 8 เดือน


1.ขณะนี้เวลา 20.00 น ของวันที่ 17 ก.พ. 2566 หรือ 13 วันที่น้องต่อหายไป ปัจจุบันยังไม่พบตัว


 2.ลักษณะของเด็กและสภาพพื้นที่ การก่อเหตุต้องมี บุคคลพาเด็กไป  


 3.บุคคลที่อาจก่อเหตุได้ คือบุคคลในบ้านที่เด็กอาศัยอยู่ หรือบุคคลในพื้นที่ ซึ่งทราบลักษณะการพักอาศัยของเด็ก และรู้เส้นทางในพื้นที่


 4.บุคคลตามข้อ 3 อยู่ในการติดตามสืบสวนของตำรวจทั้งหมดแล้ว


5.ในรอบ 20 ปี ประเทศไทย ไม่มีแก๊งค์หรือองค์กรอาชญากรรมที่ลักพาตัวเด็ก


6.ลำดับเวลาเกิดเหตุและข้อมูลจากพยานบุคคล มีความคลาดเคลื่อนบางประเด็น


7.กล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุ เป็นกล้องของชาวบ้าน มีมุมมองจำกัด ส่วนกล้องที่ชัดเจนอยู่ในระยะที่ไกลออกไป แต่ยังพอทำให้ระบุห้วงเวลาเหตุการณ์ต่างๆได้ โดยมีข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ ประกอบด้วย


8.สถิติคดีเด็กเล็กหาย จากประสบการณ์ของมูลนิธิกระจกเงา พบว่า มีทั้งบุคคลใกล้ชิดหรือรู้จักเด็กลักพาไป เกิดเหตุความรุนแรงในครอบครัว หรือแม้แต่การสร้างสถานการณ์ ซึ่งทุกกรณีจะต้องมีเหตุจูงใจก่อนการก่อเหตุ

 9.คดีนี้ เป็นกรณีที่กระชับรัศมีผู้ก่อเหตุได้ ในวงจำกัด การวิเคราะห์หรือสอบสวนเชิงลึก จึงต้องระมัดระวังผลกระทบต่อสิทธิของครอบครัวและบุคคลในชุมชน

 10.ประวัติพฤติกรรมส่วนตัว ไม่ว่าจะทำผิดกฏหมายอื่น ผิดจารีตศีลธรรมของสังคม ย่อมทำได้เพียงเป็นข้อมูลประกอบ ไม่สามารถใช้ตัดสินว่า บุคคลนั้น กระทำความผิดลักพาตัวเด็ก

 11.ประวัติข้อมูลส่วนบุคคลในทางสืบสวน ไม่ควรถูกเผยแพร่ โดยเฉพาะเผยแพร่จากหน่วยงานบังคับใช้กฏหมาย

 12.ข้อมูลที่มีการนำเสนอในโลกออนไลน์และสื่อบางแห่ง อาจเป็นเพียงข้อมูลประกอบ ข้อคิดเห็นส่วนบุคคล หรือประเด็นส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดครั้งนี้ ซึ่งต้องใช้วิจารณญานในการรับชม

 13.มูลนิธิกระจกเงา ลงพื้นที่ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ ยืนยันว่า ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวน ตามแนวทางที่ควรดำเนินการ แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถหาหลักฐานยืนยันตัวผู้กระทำความผิดได้


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/rAkT9v3EStk

คุณอาจสนใจ

Related News