ศาลอาญา อนุญาตฝากขัง 'ตะวัน-แฟรงค์' ผัด 3 คดีม.116 ปมบีบแตรขบวนเสด็จฯ

ศาลอาญาอนุญาตให้ฝากขังตะวัน-แฟรงค์ ผัดที่ 3 หลังไต่สวนคำร้องขอฝากขังของตำรวจ สน.ดินแดง โดยวันนี้มีอาจารย์รวม 4 ท่าน ยื่นคำแถลงต่อศาลขอศาลพิจารณาไม่รับฝากขังทั้งคู่



หลังจากที่ศาลอาญาได้ทำการไต่สวนคำร้องขอฝากขังนางสาว ทานตะวัน หรือ ตะวัน และนายณัฐนนท์ หรือแฟรงค์ 2 ผู้ต้องหาในคดีบีบแตรขบวนเสด็จ ของตำรวจ สน.ดินแดง และศาลได้อ่านคำสั่งว่าจะอนุญาตให้ขังทั้งสองต่อไปหรือไม่



ล่าสุด เมื่อเวลา 14.30น. นายนภสินธุ์ หรือ สายน้ำ พร้อมด้วย นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ นักเขียน และ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ลงมาแถลงผลพิจารณาของศาล



โดยนายนภสินธุ์ กล่าวว่า ศาลอาญาได้ทำการไต่สวนคำร้องฝากขัง และมีการอ่านคำสั่ง อนุญาตให้ฝากขังต่อ ซึ่งวันนี้ครบผัด 3 โดยเมื่อเช้าตำรวจ สน. ดินแดง มาดำเนินการยื่นฝากขังผัด 3 ตอนประมาณ 9 โมง 40 โดยตำรวจให้เหตุผลว่ายังเหลือพยานอีก 2 ปาก ที่ต้องสอบสวนต่อ เพราะยังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ



ซึ่งวันนี้ระหว่างการไต่สวน ทางทนายได้ถามตำรวจว่าแล้วถ้าปล่อยทั้งสองคนออกมา จะเป็นการไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้หรือไม่ ตำรวจบอกว่าไม่ เพราะยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าพยานสองคนคือใคร นั่นทำให้ตนเอง รู้สึกว่า ทำไมจึงไม่สอบสวนตอนที่ทั้งสองคนอยู่ข้างนอก คืนสิทธิ์ของเค้ากลับมา



ส่วนของแฟรงค์ ได้วิดีโอคอลมา ในห้องพิจารณาโดยในระหว่างที่วีดีโอคอลนั้น แฟรงค์ก็วูบ ส่วนตะวันไม่ได้วิดีโอคอลมา เพราะยังอยู่ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต ซึ่งตนเองได้ไปเยี่ยมตะวันอยู่เรื่อยๆ และก็อาการแย่กว่าตอนที่ทำกิจกรรมหน้าศาลฎีกาเยอะ



โดยหลังศาลรับฝากขังผัดที่ 3 หลังจากนี้ ตนเองจะไปเยี่ยมทานตะวัน และแฟรงค์ และปรึกษากันว่าจะเอายังไงต่อ ซึ่งมองว่า สุดท้ายแล้วการฝากขัง ควรทำเท่าที่จำเป็น ไม่ควรทำเกินกว่านั้น ทั้งสองคนเป็นเพียงเยาวชน ไม่ใช่มาเฟีย หรือผู้มีอิทธิพล ไม่สามารถไปยุ่งเหยิงกับพยานได้อยู่แล้ว



ขณะที่ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ ระบุว่า การเดินทางมาในวันนี้ของตนเอง เพื่อขอให้ศาล พิจารณาไม่อนุญาตให้ฝากขังตะวัน และแฟรงค์ และให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่ปรากฏว่าศาลให้ฝากขังต่อเป็นเวลา 12 วัน ต้องบอกว่ารู้สึกผิดหวังมาก เราก็หวังว่า เราจะได้รับคำสั่งที่เป็นธรรม และบังเอิญเหลือเกิน ที่วันนี้ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มีงานรำลึกท่านอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งอาจารย์ป๊วยได้พูดว่า สังคมไทยต้องการสิ่งที่เรียกว่าสันติ ประชาธรรม ประชาธรรมนั้นมีความหมายว่า ธรรมะคืออำนาจ อำนาจไม่ใช่ธรรมะ



ทางด้านนายสุชาติ ระบุว่า สิ่งที่หนุ่มสาวได้แสดงออกเป็นวิถีทางของสันติประชาธรรม แล้วการต่อสู้ของเด็กทั้งสอง สะท้อนให้เห็นถึงวิธีและวิธีของประชาธิปไตย ที่มาวันนี้เพื่ออยากจะมาในความรู้สึกของคนรุ่นปู่ รุ่นย่า รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ที่มีความห่วงใยลูกหลาน และสิ่งที่ลูกหลานกระทำนั้นเป็นการกระทำที่อยู่ในเส้นทางของความถูกต้อง



เท่าที่ทราบมาการฝากขังแต่ละครั้ง 12 วัน ตอนนี้ตะวันกับแฟรงค์อดอาหารมาแล้ว 23 วัน อีก 12 วัน ในผัดที่สามนี้ ก็ขอภาวนาให้ไม่เกิดเหตุที่จะเป็นโศกนาฏกรรม หรือความเศร้าโศก ที่มาวันนี้เพื่อจะขอความเมตตาจากศาล ให้ศาลให้ความยุติธรรม เพราะในกรณีนี้ ไม่มีเหตุผลที่จะฝากขังต่อ และการฝากขังต่อผัดที่ 3 หมายความว่าเด็กทั้งสอง จะทนได้อีกหรือไม่ ซึ่งวันนี้ศาลยังให้ฝากขังต่อไปทำให้รู้สึกเสียใจมากกว่านี้



และหลังจากนั้น อาจารย์ทั้ง 2 ท่าน ก็ได้อ่านคำแถลงที่ยื่นต่อศาล ที่ยื่นขอให้ศาลไม่รับฝากขังตะวัน และแฟรงค์ ผัดที่ 3



โดยหลังจากทั้งคู่อ่านคำแถลงที่ยื่นต่อศาลแล้ว กลุ่มผู้สนับสนุนที่มาให้กำลังใจก็ได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ก่อนจะปรบมือ แยกย้ายกันกลับ

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/4WKI8S6uP5I