หญิงร้องถูก 'พ.ต.ท.' เรียกเงิน 1 แสน ซ้ำขอมีสัมพันธ์ แลกช่วยคดีข้อหาบุกรุก หลังปีนหนีเพราะถูกลวนลาม

กัน จอมพลัง พาผู้เสียหายหญิงรายหนึ่งขอความช่วยเหลือกับบิ๊กโจ๊ก หลังหญิงรายนี้ถูกตำรวจยศพันตำรวจโท ของโรงพักแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี เรียกเงิน 1 แสนบาทและขอมีความสัมพันธ์ โดยบอกว่าจะช่วยเหลือไม่ให้ถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก หลังเธอปีนเข้าบ้านคนอื่น เพราะถูกลวนลาม



ผู้เสียหายหญิงคนหนึ่งที่ถูกตำรวจเรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือคดี ที่ถูกกล่าวหาดำเนินคดีฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน เดินทางมาพร้อมกับนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง นำหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ



ผู้เสียหายเปิดเผยว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2565 ในจังหวัดสระบุรี รถยนต์เกิดแบตเตอรี่หมด และโทรศัพท์มือถือก็แบตหมด ต่อมามีชายคนหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือโดยช่วยเข็นรถยนต์ให้ แต่เข็นเข้าไปในที่เปลี่ยว และอ้างว่าจะพาไปเอาแกลอนเพื่อไปซื้อน้ำมันมาเติมรถที่บ้าน



ตนจึงได้ได้ขอยืมสายชาร์จโทรศัพท์ ชายคนดังกล่าวบอกว่าให้เดินไปหยิบสายชาร์จในห้อง แต่ชายคนดังกล่าวไล้ล้อคห้องและพยายามลวนลาม ตนจึงออกอุบายขอเข้าห้องน้ำและหาทางหลบหนีออกมา โดยปีนไปบ้านอีกหลังหนึ่งที่อยู่ติดกัน จนปลอดภัย จากนั้นตนจึงไปแจ้งความที่โรงพักแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรีแต่ถูกตำรวจควบคุมตัว โดยตำรวจให้เหตุผลว่าเจ้าของบ้านที่ตนปีนเข้าไปหลบหนีมาแจ้งความว่าตนบุกรุกในเวลากลางคืน



ต่อมาเจ้าของบ้านคนดังกล่าวทราบว่าตนหนีเอาตัวรอดจากชายที่พยายามจะลวนลาม จึงได้มาถอนแจ้งความตน แต่ตำรวจบอกว่าในคดีที่ตนบุกรุกปีนไปบ้านคนอื่นไม่สามารถถอนแจ้งความได้ เพราะเป็นคดีอาญา



ต่อมาตำรวจยศพันตำรวจโท ได้เสนอที่จะช่วยคดีเพื่อให้ตนไม่ต้องรับโทษและไม่ถูกสั่งฟ้องโดยขอเงิน 1 แสนบาท แต่ตนไม่มีจนต่อรองลงมาเรื่อย ๆ จนเหลือ 1 หมื่นบาท แต่ตำรวจกลับขอที่จะขอมีความสัมพันธ์ด้วย ส่วนคดีของตนที่แจ้งดำเนินคดีกับชายที่เข้ามาช่วยเข็นรถแล้วพยายามลวนลามคดีกลับไม่คืบหน้า



ขณะที่กัน จอมพลัง กล่าวว่าได้สอบถามไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรีก็พบว่า ตำรวจนายดังกล่าวเคยมีประวัติในเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์มาแล้ว 2 ครั้ง และถือว่าเป็นการกระทำที่ซ้ำเติมเหยื่อจึงต้องพามาร้องขอความเป็นธรรม ให้ดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง



ขณะที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะตรวจสอบข้อเท็จจริง และพาผู้เสียหายไปพบกับผู้บังคับการจังหวัดราชบุรี เพื่อแจ้งความกับตำรวจที่เรียกรับเงิน ซึ่งหากพบว่ากระทำจริงจะมีโทษคือถูกไล่ออกจากราชการ

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/7QyGJu6j2Zg