สังคม

ขายไม่ได้ ต้องกินเอง! ลูกข่ายเผยกลยุทธ์ขายฝัน เชื่อใจดารา เปิดบิลบริษัทดัง สูญหลักแสน

โดย petchpawee_k

10 ต.ค. 2567

19 views

กลุ่มลูกข่าย ระดับดีลเลอร์ เผยจุดเริ่มต้น สมัครเรียนคอร์สขายของออนไลน์  พอเรียนเสร็จพยายามให้เปิดบิลกับบริษัทดัง ก่อนโน้มน้าวให้สมัครเป็นระดับดีลเลอร์ จ่ายเงินเกือบ 3 แสน ท้ายสุดของขายไม่ได้ ซ้ำร้ายต้องยิงแอดโฆษณาเดือนละ 8,000 บาท

วานนี้ (9 ต.ค.) ทีมข่าว ได้เจอกับ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นหนึ่งในดีลเลอร์ของบริษัท เล่าว่า จุดเริ่มต้นที่เข้าไปสมัคร มาจากเมื่อเดือนตุลาคม 66 อยากหาอะไรได้พิเศษ ก่อนจะไถเฟซบุ๊กและติ๊กต๊อก แล้วเจอเป็นเพจที่รับสอนขายของออนไลน์ ปักตะกร้าสินค้า ซึ่งตนสนใจจึงติดต่อไป ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมา คอร์สเรียนอยู่ที่ราคา 98 บาท ใช้เวลาเรียนเต็มชั่วโมงทั้งหมด 7 หัวข้อ โดยคุยกับเจ้าหน้าที่ 2-3 ครั้ง แต่ตนเองทำงานประจำไม่ว่าง ก็ปัดไปตลอด กระทั่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามาวันเสาร์-วันอาทิตย์ ก็ได้ และบอกว่าถ้าไปเรียนวันอาทิตย์นี้ จะมี บอส ซ. ซึ่งเป็นนักแสดงชื่อดัง มาเป็นโค้ชสอนให้ด้วย ตนเองก็อยากเรียน ก็เลยเข้าไปเรียน


ส่วนตัวโปรไฟล์ที่เอามาเปิดให้ก็ดูน่าเชื่อถือและดูไม่ได้ยาก อีกทั้งยังมีดาราเยอะมากที่มาอยู่จุดนี้ เลยทำให้เกิดความเชื่อมั่น ตอนแรกไปเรียนทั้งหมด 3 วัน โดยวันแรกยังไม่ได้มีการเปิดบิล แต่พอครั้งที่ 3 ก็มีแม่ข่ายมาพูดคุยชักชวนแนะนำให้เปิดบิล เลยตัดสินใจเปิดบิลไปราคา 2000 กว่าบาท ได้กาแฟ คอลลาเจน กลูต้ามาทาน แล้วจึงจะสามารถเปิดระบบให้ได้ พอเข้าระบบของบริษัทได้ก็จะสามารถสร้างลิ้งค์และแปะในเพจเฟซบุ๊กของเราได้เลยทำให้รู้สึกว่าการขายไม่ได้ยาก


แต่พอผ่านมา 1 สัปดาห์ ก็มีตัวแทน โค้ชและอาจารย์ ติดต่อมาที่ตนเอง มาบิ้วให้ขึ้นมาเป็นดีลเลอร์ ซึ่งดีลเลอร์ต้องเปิดบิลประมาณ 200,000 กว่าบาท เกือบ 300,000 บาท ซึ่งก็จะอธิบายสร้างฝันให้เห็นว่าเราจะไปถึงจุดหมายได้ไม่ยาก เลยทำให้ตนเคลิ้มตาม ใช้เงินเก็บก้อนสุดท้ายเอาลงไป โดยได้สินค้ากลับมา หลังจากเป็นดีลเลอร์แล้ว ท้ายสุดก็ต้องพยามกินของเราเอง เอาไปแลกกันในกลุ่มบ้าง ใช้เอง กินเอง


ถามว่าขายได้ไหม ขายไม่ได้ เพราะสินค้าไม่ได้เป็นที่รู้จักในตลาดเลย เวลาที่จะขายต้องมาอธิบาย เพราะไม่ได้ตั้งขายอยู่ในท้องตลาด ไม่ได้ติดตลาดมัน ต้องเป็นการบอกต่อหรือแนะนำจากบุคคลหนึ่งไปอีกบุคคลหนึ่ง กลายเป็นว่าเราต้องมายิงแอดโฆษณาเอง พยายามจะให้เราหาเครือข่ายหรือนักเรียน เพื่อที่จะระบายของในสต๊อกที่เรามี ถ้าไม่ทำเราก็จะไม่ได้เงินเราคืน และตนก็ต้องยิง ซื้อแอดเดือนละ 8,000 บาท


นั่นทำให้ตอนนี้ ตนเองขายสินค้าก็ไม่ได้ เพิ่งจะขายได้เพียงไม่กี่ชิ้น รวมมูลค่าประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท จากเงินที่ตนลงทุนไปเกือบ 3 แสนบาท ทำให้ตอนนี้ ตนมีของค้างอยู่ที่ตัวประมาณ 72,000 กว่าบาท เป็นครีมต่างๆ แต่ของที่อยู่ในสต๊อกคลังบริษัทอีก 216,000 บาท ซึ่งก็ไม่สามารถขอเงินคืนได้


สำหรับการเอาผิดตนเองยอมรับว่าไม่รู้จะเอาผิดอะไร แต่ถ้าเป็นไปได้ ตนเองก็อยากให้บริษัทคืนเงินส่วนที่ค้างสต็อกคืนมา และยอมรับว่าสาเหตุที่ตนเข้ามาสมัคร เพราะเห็นดารานักแสดงมาเป็นพรีเซนเตอร์ ประกอบกับมีแม่ข่ายมาเล่าความสำเร็จให้ฟัง ทำให้ตัดสินใจ

--------------------------------------------

ลูกข่ายขายผลิตภัณฑ์บริษัทอาณาจักรดัง เดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจาก ‘ทนายเดชา’ ให้ช่วยเหลือ ขณะที่ผู้เสียหายบางรายร่ำไห้ถึงกับเคยคิดทำร้ายตัวเอง

วานนี้ (9 ต.ค.) ผู้ที่เป็นดีลเลอร์ ของบริษัทชื่อดัง ได้เดินทางมาพบกับทางทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ที่สำนักงาน เพื่อที่จะขอคำปรึกษาทางกฎหมาย และแนวทางการดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัทชื่อดัง หลังถูกแม่ขายชักชวนโน้มน้าวให้เปิดบิล และเพิ่มดีกรีเป็นระดับดีลเลอร์ โดยต้องจ่ายเงินอีกเกือบ 300,000 บาท แต่ท้ายสุด กลับขายสินค้าไม่ค่อยได้ แต่ทางแม่ข่ายให้ลูกค้าได้ยิงแอดโฆษณบต่อเนื่อง ทำให้หลายคนมองว่านี่เป็นการขายตรงมากกว่า การเรียนยิงแอดโฆษณา


โดยคุณป้าวิภารัตน์ หนึ่งในดีลเลอร์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นมาจาก อยากมีรายได้เสริมเพิ่ม ก่อนเห็นโฆษณาให้ไปเรียนการยิงแอดโฆษณา จึงโอนสมัครไป 2,500 บาท โดยเป็นการเรียนออนไลน์ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงโควิด จากร้านทำผมที่ทำอยู่ประจำ ซึ่งตอนฟังในตอนนั้นรู้สึกสนใจ และดูน่าเชื่อถือ


จากนั้นจึงเริ่มติดตามและถูกชักชวนให้เค้าไปอบรมที่บริษัท ที่จัดเป็นห้องๆ ในฐานะสมาชิกใหม่ ก่อนจะเริ่มถูกโน้มน้าวให้เปิดบิลขายสินค้าเพื่อเพิ่มดีกรี โอนไปเลย 5 หมื่นบาท แบ่งเป็น ค่าเพิ่มดีกรี 25,000 บาท และ ทริปไปเที่ยวอีก 25,000 บาท โดยตลอดทั้งวัน ก็จะมีผู้ที่อ้างตัวประสบความสำเร็จมาพูดชักชวนโน้มน้าว ว่าสามารถทำได้ และให้ไปชักชวนคนอื่นมาขายสินค้าต่อจากตนเอง


จากนั้นก็มีการไปประชุมสถานที่ต่างๆ ก่อนที่จะโน้มน้าวให้ตนเองสมัครเป็นดีลเลอร์อีก 250,000 บาท ก่อนที่ตนจะได้เงินคืน 60,000 บาท ในเวลาต่อมาตนจึงไปชักชวนเพื่อนให้มาสมัครเป็นดีลเลอร์ โดยต้นหวังดีออกเงินให้อีก 200,000 บาท เลยทำให้ตนจ่ายเงินไปรวมเกือบ 500,000 บาท วันนี้ที่เดินทางมาหาทนายเดชา เพราะไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อ หลังจากที่ตนเองรู้ตัวแล้วว่าถูกหลอก แม้ก่อนหน้านี้ทางครอบครัวจะเคยห้าม และบอกว่าตัวเองถูกหลอกตนก็ไม่เคยเชื่อ


อีกรายชื่อคุณหญิง เล่าว่า เสียหายเกือบ 2 ล้านบาท โดยตอนแรกมีเพื่อนมาชักชวน ตนก็เชื่อถือ เพราะเห็นว่าเพื่อนมีธุรกิจส่วนตัว และตั้งแต่ทางโควิดก็เห็นว่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ร่ำรวยพลิกชีวิต พอเห็นสื่อที่สร้างว่ามีความน่าเชื่อถือก็เลยตัดสินใจเข้าร่วม จนถูกชักชวนให้ร่วมทุน โดยลงไปเกือบ 2 ล้านบาท ทำให้ขึ้นตำแหน่งเป็นระดับ platinum เพื่อเป็นครูพี่เลี้ยง ในการสอนคนในกลุ่มไลน์ให้เรียนรู้ และมีสัมมนาต่างๆ


ซึ่งตอนนั้นตัวคุณหญิง โฟกัสที่จำนวนคนที่จะเข้ามาเรียนกับตัวเอง ในขณะที่คนอื่นที่เป็นครูพี่เลี้ยง ก็ยอมลงเงินเพื่อซื้อรายชื่อรายละ 5,000 บาท ให้เข้ามาในกลุ่ม แต่ตัวคุณหญิง ยังไม่ซื้อรายชื่อ เพราะตนก็มีคนติดตามเป็นจำนวนมาก ในขณะที่คนอื่นในกลุ่ม ยอมที่จ่ายเงินซื้อตำแหน่งในราคาล้านบาท เพื่อแลกกับตำแหน่งที่สูง คือ gold dealer ทำให้ตนรู้และเริ่มเอะใจว่า บางคนยอมหมดตัวเพื่อแลกกับโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่บริษัททำขึ้นมาเพื่อขายฝันให้กับคนที่อยากได้ตำแหน่ง


นอกจากนี้คุณหญิง ได้มีการนำคู่มือสำหรับวิธีการพูดโน้มน้าวชวนคน เพื่อสร้างเป้าหมายความฝันระยะสั้น เช่น มีรายได้หลักแสนต่อเดือน มีบ้านหลัง ที่สอง มี bmw 5 พาครอบครัวไปเที่ยวยุโรป ญี่ปุ่น มัลดีฟ


ส่วนเป้าหมายระยะยาวจะมีการโน้มน้าวใจว่า จะมีรายได้หลักล้านภายใน 3 ปี  มีอิสระทางการเงิน มีเงินในบัญชี 50 ล้านบาทขึ้นไป มีป่า และเป็นเจ้าของโฉนดที่ถูกต้อง จำนวน 1000 ไร่ มีบ้านราคา 15 ล้านบาท มีรถ Ferrari และให้ลูกไปเรียนมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ซึ่งตนต้องพูดขายฝันแบบนี้ เพราะเจ้าของบริษัท จะโชว์รวย โชว์รถสปอร์ต โดยจากที่ลงทุนไป ครั้งแรกทำ 45 วัน ได้ 100,000 กว่าบาท เกิดจากคนที่เชื่อใจเรา เห็นเราไปจับธุรกิจใหม่ เค้าเชื่อใจมากับเราเลย


ส่วนสาเหตุที่ทำให้ตนต้องถอยออกมา เพราะตนเองมีฉายาว่า Platinum คืนเดียวเนื่องจาก พอเข้าไปห้อง LINE เค้าบอกว่ามีประชุมเที่ยงคืน พอเข้าไปประชุมฟังคุยเกี่ยวกับเรื่องรถ ทำให้เราเห็นว่าเส้นทางที่ได้รถที่เค้าเอามามันไม่ใช่ เลย ทำให้แม่ข่ายคิดว่าคุณหญิงรู้ทัน เลยดีดคุณหญิงออกจากกลุ่ม จึงเป็นที่มาของ ฉายาว่า Platinum คืนเดียว

จากนั้นทนายเดชา ได้ต่อสายถึงคุณปัทมาภรณ์ หนึ่งในผู้ที่เป็นดีลเลอร์ เล่าว่า ตอนนั้นช่วงโควิด ตนเองอยากเรียนแนออนไลน์และให้ขายของดีขึ้นเลยตัดสินใจสมัคร ซึ่งวันแรกที่เรียนก็ยังไม่มีอะไร พอวันที่ 2-3 ก็เริ่มขายสินค้า และโน้มน้าวให้เปิดบิลไปราคา 2,500 บาท แต่พอที่เปิดบิลไปแล้ว ก่อนจะแนะนำให้เป็นระดับดีลเลอร์ ที่ต้องจ่ายไป 2 แสนกว่าบาท ก็ไปยืมบัตรเครดิตพี่สาวไปรูด แต่พอท้ายสุดเราขายไม่ได้ ก็มีคนแนะนำว่าให้ไปหาคนมาเพิ่ม เพื่อระบายของที่ได้มา ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่การขายของ แต่กลับกลายเป็นตนต้องหาคนมาสมัครโดยเปิดบิล 2,500 บาท ซึ่งตนทำได้อยู่ 2 เดือน มองว่าไม่ใช่ และตนลำบากใจที่จะไปหาคน


ส่วนของที่ได้มาก็ขายไม่ค่อยได้ และส่วนตัวของตนเองก็ไม่รู้จักสินค้า ตนเองขายได้เพียง 10 คน ที่ผ่านมาก็มีทริปไปเที่ยว บอกว่าจะเปิดตัว ผจก. ทางการตลาดคนใหม่ ทำให้ตนตัดสินใจไปร่วมทริป จนถึงวันนี้ ตนเองยังร้องไห้ และรู้สึกแย่ ตนออกไปเจอคนไม่ได้เลย เพราะเค้าเคยสอนว่า เจอคนที่รู้จัก ก็ชวนเค้าซื้อ เค้ากิน วันนี้ตนเองอยากให้ทนายช่วยดันเรื่องนี้ และตนก็รู้สึกผิดกับคนอื่นๆ ที่เคยชักชวนมากเปิดบิล


ด้านทนายเดชา เปิดเผยว่า จากการพูดคุยเบื้องต้นเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ขายตรง และแชร์ลูกโซ่ เนื่องจากหลักฐานหลักฐานที่พิจารณาในเบื้องต้นพบว่ามีการพูดโฆษณาชวนเชื่อ โดยตอนแรกเป็นการสอนออนไลน์เปิดคอร์สสอนวิธีปักตะกร้าขายของออนไลน์ และยิงแอดโฆษณา แต่แต่เมื่อกลับขายคอร์สหลงเข้าไปเรียนแล้วกลับมีการนมหนาวขายสินค้าและให้เปิดบิล รวมถึงให้อัพดีกรีเป็นระดับดีลเลอร์และให้ชักชวนคนเข้ามาเป็นลูกข่ายเพื่อนำสินค้าไปขายต่อ ส่วนบุคคลที่มีชื่อเสียง อินฟลูเอ็นเซอร์ ดาราศิลปิน จากที่ตนเองเคยทำคดีแชร์ลูกโซ่มาจะต้องถูกดำเนินคดีทุกคน


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/z4ejfrwFtCc


คุณอาจสนใจ

Related News