“ลูกหมี รัศมี” เฮศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท “ทนายเดชา” ลั่นหาก 30 วันไม่คืน จ่อฟ้องล้มละลาย

“ลูกหมี รัศมี” เฮศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาทรวมดอกเบี้ย “ทนายเดชา” ลั่นหาก 30 วันไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นยึดทรัพย์ - ฟ้องล้มละลาย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 มิ.ย.68 ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ ถนนรามอินทรา กทม. นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมด้วย นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ป. ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวนกว่า 2 ล้านบาท โดยไม่ยินยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้

ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้ได้ทำการฟ้องลูกหนี้ในกรณีผิดสัญญากู้ยืมเงินซึ่งศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้ลูกหนี้ชดใช้เงินต้นจำนวน 1,739,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 15% รวมเป็นเงิน 2,065,062 บาท พร้อมค่าฤชาธรรมเนียมจำนวน 3,000 บาท ซึ่งในคดีนี้ศาลเห็นว่ามีการชักชวนการลงทุนจริง ไม่จ่ายปันผลจริง และเจ้าหนี้ไม่ได้ทำการปล่อยเงินกู้ผิดกฎหมาย และคิดดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด

ซึ่งขั้นตอนต่อไปหลังจากนี้จะต้องรอระยะเวลา 30 วัน หากลูกหนี้ไม่ชำระเงินก็จะดำเนินการต่อ โดยออกหมายบังคับคดี ถ้าไม่จ่ายก็จะยึดทรัพย์ ถ้าไม่มีทรัพย์จะถูกฟ้องล้มละลายต่อไป

ด้านนางสาวรัศมี กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจ ซึ่งอยากให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างหากมีใครมาชวนลงทุนก็อยากให้ระมัดระวัง ยอมรับว่ากลัวว่าจะไม่ได้เงินคืน เพราะลูกหนี้แพ้คดี และต้องจ่ายเจ้าหนี้ 3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งลูกหนี้คนดังกล่าวก็จ่ายเพียงแค่เดือนเดียวและไม่จ่ายอีกเลย

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนจะดำเนินการลูกหนี้ข้อหาแจ้งความเท็จที่มีการกล่าวอ้างว่า ตนได้ปล่อยเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหด เพราะคำตัดสินของศาลระบุเอาไว้ชัดเจนว่า เป็นการทำสัญญาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย

ด้านทนายกุ้ง เปิดเผยว่า หลังจากนี้ลูกหนี้คนดังกล่าวยังต้องขึ้นศาลอีก 4 คดี ได้แก่ คดีฉ้อโกงและ พรบ.เช็ค ที่จะต้องขึ้นฟังคำคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันที่ 17 มิถุนายนนี้ และยังมีคดีหมิ่นประมาทอีก 3 คดี ที่จะต้องไต่สวนมูลฟ้องและนัดสอบคำให้การจำเลยอีกด้วย

ภายหลัง ลูกหมี แถลงข่าว ด้าน “ดารา ป.” คู่กรณี เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก โพสต์ข้อความระบุว่า “ที่โจทก์ และทนายบอกว่าชนะคดีนั้น…ไม่ถูกต้องนะคะ

ต้องขอขอบคุณศาลที่มีคำพิพากษาแสดงว่ายอดหนี้จำนวน 2 ล้านบาท ที่โจทก์นำคดีมาฟ้องต่อศาลและแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนนั้นไม่ถูกต้องและเป็นความเท็จตามที่ปูได้โต้แย้งมาตลอดว่าเป็นความเท็จเพราะยอดหนี้ที่แท้จริงมีเพียง 1 ล้านกว่าบาท ไม่ใช่ 2 ล้านบาทและคดีนี้เป็นคดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญา นี่คือเหตุผล ที่ปูไม่ยอมชำระหนี้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด

ที่โจทก์บอกว่าชนะคดีนั้น ไม่ถูกต้อง และในเรื่องของการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนด จะต้องดูคำพิพากษาในคดีอาญาเป็นสำคัญ รอดูกันต่อไปนะคะ

ใช้วิชาว่าความอย่างไร จากการแจ้งความร้องทุกข์ และฟ้องคดีเรียกร้องเงินจำนวน 2 ล้านบาท แต่หนี้ของลูกความแทนที่จะเพิ่มขึ้น กลับลดจำนวนลงเหลือเพียงล้านกว่าบาท ใครคิดจะว่าจ้างต้องคิดดูดีๆ นะคะ”