สังคม

'ซ้อลักษณ์-ปุ๊กกี้' แฉคลิปเสียงปมซื้อวุฒิฯ ซัดมูลนิธิปลอม สร้างภาพชุบตัว ด้าน 'ต้นอ้อ' โพสต์ขอโทษ FC

โดย thichaphat_d

5 ก.ค. 2567

340 views

'ซ้อลักษณ์' พร้อม 'ปุ๊กกี้' หอบหลักฐาน-คลิปเสียงแฉ 'ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง' ปมซื้อวุฒิการศึกษา จุดธูปสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้โกหก 'ปุ๊กกี้' ร่ำไห้โดนแทงหลัง ลั่นมูลนิธิปลอม สร้างภาพ-ชุบตัว ลูกแชร์แฉโกงแชร์อ้างรู้จัก ทักษิณ-เลขา รมต. ด้าน ม.พิษโลก เผยผลสอบพบอาจารย์ 1 คน ร่วมขบวนการซื้อขายวุฒิปลอม เลิกจ้างพร้อมดำเนินคดีอาญา ขณะที่ 'ต้นอ้อ' โพสต์ขอโทษทุกฝ่าย หากผิดพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอโอกาสกลับมาทำงานช่วยเหลือสังคมอีก

วานนี้ (4 ก.ค.) ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม น.ส.วิไลลักษณ์ หรือ ซ้อลักษณ์ พร้อมนายแม่ปุ๊กกี้ อดีตสมาชิกมูลนิธิเป็นหนึ่งและผู้เล่นแชร์กินดอกของต้นอ้อ เป็นหนึ่ง นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนกับนายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รอง ปธ.มูลนิธิฯ และนายชาญชัย ฉายบุ ทนายที่ปรึกษา กรณีที่คุณต้นอ้อ เสนอซื้อขายใบปริญญาให้กับตนเพื่อใช้ต่อยอดและได้มาเพื่อตำแหน่งทางการเมือง  

โดยก่อนจะให้สัมภาษณ์ ซ้อลักษณ์ ได้จุดธูปไหว้สาบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บริเวณด้านหน้ามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมว่า “ข้าพเจ้านางสาววิไลลักษณ์ ขอสาบานตนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพเจ้าพูดออกมาเป็นเรื่องจริง ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกประการ หากไม่เป็นความจริง ขอให้ข้าพเจ้ามีอันเป็นไป ภายใน 3 วัน 7 วัน”    

ซ้อลักษณ์ กล่าวว่า ก่อนที่จะมาร่วมเปิดมูลนิธิกับต้นอ้อ ตนได้ขอความช่วยเหลือต้นอ้อ กรณีของอดีตสามีที่มีความขัดแย้งกัน จึงทำให้ได้รู้จักกัน กระทั่งวันหนึ่ง ต้นอ้อได้ส่งภาพบัตรเจ้าหน้าที่ในรัฐสภา พร้อมบอกว่า น่าสนใจนะ ตำแหน่งใหญ่ แต่สามารถได้มาในราคาถูกมาก แต่ด้วยการศึกษาปัจจุบันของตน มีเพียงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จึงต้องมีวุฒิปริญญา จึงจะสามารถทำบัตรเจ้าหน้าที่รัฐได้ ซึ่งตอนแรกตนก็ได้ปฏิเสธไปแล้วว่า มันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ทางต้นอ้อ ก็พยายามพูดหว่านล้อมบอกว่า รู้จักกับผู้ใหญ่ในมหาวิทยาลัยที่จะออกวุฒิปริญญาให้ได้ รวมถึงรู้จักกับคนในรัฐสภา ไม่ต้องกังวล เพราะสามารถเคลียร์ได้ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

ตนยอมรับว่า ตอนนั้นก็หลงเชื่อและหลงผิดไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงได้ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อวุฒิปริญญาตรี แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้วุฒิดังกล่าว ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการตั้งนานแล้ว ก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษกับสังคมที่ตอนนั้นคิดจะซื้อวุฒิการศึกษาปลอมมาใช้ ส่วนยอดเงินที่ทยอยโอนไปเพื่อซื้อวุฒิการศึกษานั้นเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท  ครั้งแรก 50,000 บาท ครั้งที่สอง 50,000 บาท  ครั้งที่สาม 99,500 บาท และมีค่าธรรมเนียมการโอนอีก 1,500 บาท

โดยเงินทั้งหมดโอนเข้าบัญชีคนชื่อ “เกษียณ” โดยต้นอ้ออ้างว่าเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย  กระทั่งวันหนึ่งมีผู้หญิงที่ชื่อ “พิมพ์ลดา” อ้างตัวว่าเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยโทรมาหาตน พร้อมแจ้งว่าจะได้วุฒิการศึกษาในช่วงระยะเวลาใด พร้อมบอกว่าตอนนี้ทุกอย่างเข้าระบบหมดแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนของการอนุมัติ เพราะว่าอยู่ในช่วงของการโดนควบคุมและเปลี่ยนอธิการบดีคนใหม่ ส่วนเจ้าของบัญชีที่ชื่อเกษียณ ตนเพิ่งมาทราบภายหลังจากพิมพ์ลดาว่าเป็นทีมงานในมูลนิธิเป็นหนึ่ง  ขณะที่ยังทำงานอยู่ในมูลนิธิ  ซึ่งตนไม่รู้จักคนชื่อนี้  จนมาสืบทราบเองว่านายเกษียณเป็นเพื่อนกับต้นอ้อมาก่อน สมัยศึกษาอยู่คณะรัฐศาสตร์ด้วยกัน

สำหรับหลักฐานที่ตนนำมามอบให้นั้นเป็นแชทสนทนาพูดคุยกัน แต่ว่าอีกฝ่ายอ้างว่าตนปลอมไลน์ขึ้นมา ยืนยันว่า เป็นไลน์ของประธานคนนี้จริง ๆ เพียงแค่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปก็คือรูปโปรไฟล์ ทั้งนี้ตั้งแต่ที่จ่ายเงิน ตนก็ไม่ได้ไปที่มหาวิทยาลัยหรือเซ็นเอกสารเพื่อไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยเลย และมาทราบทีหลังช่วงที่มีปัญหาแล้วว่า ชื่อตัวเองอยู่ในมหาวิทยาลัย

ส่วนเรื่องวุฒิการศึกษา ตนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในตอนนั้นอีกฝ่ายแอบอ้างผู้ใหญ่เยอะ ก็ทำให้คล้อยตาม ส่วนเรื่องการถูกดำเนินคดีหรือไม่นั้น ก็เคารพขั้นตอนตามกฎหมาย อย่างน้อยการที่ได้ออกมาบอกวันนี้ ก็เป็นเสียงเล็ก ๆ ที่สามารถทำอะไรได้บ้าง และอยากฝากบอกอีกฝ่ายว่า อย่าทำแบบนี้กับใครอีก พร้อมทั้งขอโทษจริง ๆ ยืนยันว่าที่ออกมาพูดเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่คนอื่นซื้อวุฒิการศึกษาถูกกว่าตน  ซึ่งกรณีที่ตนซื้อแพงกว่าก็ยอมรับว่า มีส่วนที่ทำให้ไม่สบายใจนิดหน่อย แต่ที่ออกมาพูด คือ ตนมองว่าไม่ถูกต้อง

ด้านปุ๊กกี้ อดีตสมาชิกมูลนิธิเป็นหนึ่ง กล่าวทั้งน้ำตาว่า ที่ต้องออกมาพูดเพราะโดนโจมตีก่อน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ร่วมก่อตั้งมูลนิธิมาด้วยกัน ที่รู้ว่าเป็นฝีมือของประธานมูลนิธิหญิงคนนี้ เพราะแอคเคาน์หลุมที่โจมตีคุณปุ๊กกี้ว่าสนิทสนมกับทนายธรรมราช และแก๊งเชื่อมจิต เป็นแอคเคาน์หลุมของลูกชายประธานมูลนิธิหญิงคนนี้ และใช้แฟนคลับมาโจมตี แล้วยังเอาข้อมูลเท็จไปบอกกับผู้ใหญ่ในสังคมด้วย ทำให้เธอเก็บข้อมูลมาตลอดจนมีหลักฐานชัดเจนว่าทำกันเป็นขบวนการ เธอไม่สามารถเอาตัวเองไปอยู่กับคนที่หาผลประโยชน์บนความทุกข์ของชาวบ้านได้

ปุ๊กกี้ยอมรับว่า แค้นใจพราะเป็นคนเริ่มก่อตั้งมูลนิธิ แล้วช่วยเหลือประธานมูลนิธิผู้หญิงคนนี้มาตลอด รู้เรื่องไม่ดีทั้งหมดแต่ไม่เคยเอามาพูด  จนวันหนึ่งโดนแทงหลังเองและเขาย้ำเสมอว่าทุกคนที่อยู่ช่วยเหลือเขา จะช่วยเหลือเขาเสมอไม่ว่าถูกหรือผิด ส่วนตัวมองว่าขบวนการนี้เป็นการชุบตัวเพื่อมาหาชื่อเสียง แล้วเป็นมูลนิธิที่ปลอมมาก ไม่เคยช่วยจนสุด รับเรื่องมาส่งตำรวจแล้วก็จบ ไม่เคยตามเคส ยืนยันที่ออกมาพูดครั้งนี้เป็นช่วงเวลาประจวบเหมาะพอดีที่เธอหาหลักฐานเรื่องโดนใส่ร้ายเกี่ยวกับคดีเชื่อมจิตพอดี และซ้อลักษณ์มีคลิปเสียง เลยออกมาพูดในช่วงนี้เท่านั้นเอง

ส่วนในเรื่องของการดำเนินการทางกฎหมาย ทนายหนุ่ย หรือ นายชาญชัย ฉายบุ ทนายที่ปรึกษา บอกว่า ในเรื่องการซื้อขายวุฒิปริญญาของคุณลักษณ์ เบื้องต้นบุคคล 3 คนที่เกี่ยวข้อง คือ คุณต้นอ้อ เจ้าของบัญชีชื่อ เกษียณ และหญิงที่อ้างตัวว่าเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย มีความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ส่วนคุณลักษณ์ จะมีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารด้วยหรือไม่นั้น  ในส่วนของความผิดปลอมแปลงเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ในกรณีนี้คุณลักษณ์ ยังไม่ได้วุฒิการศึกษาจึงถือว่ากระบวนการยังไม่จบสิ้น หากจะเกิดความผิดขึ้นคุณลักษณ์จะต้องนำวุฒิการศึกษาไปใช้ก่อน

----------------------------------------

ม.พิษณุโลก ชี้แจง พบอาจารย์ 1 คน ร่วมขบวนการซื้อวุฒิปลอม

มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ได้ออกประกาศมหาวิทยาลัย ชี้แจง ระบุว่า ตามที่ปรากฎในข่าวและสื่อโซเซียล ระบุผู้เสียหายคนหนึ่งถูกประธานมูลนิธิดังแอบอ้างซื้อขายปริญญาบัตรของนักศึกษาหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์บัณฑิต คณะกรรมการมหาวิทยาลัยพิษณุโลก สืบหาข้อเท็จจริงกรณีข่าวแอบอ้างการซื้อขายปริญญาบัตรของนักศึกษาหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต ได้ดำเนินการประชุมคณะกรรมการฯ ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.14 น. ณ ห้องประชุมชั้น 6 มหาวิทยาลัยพิษณุโลก สืบหาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐาน

พบว่ามีอาจารย์ในมหาวิทยาลัย 1 ท่าน มีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมกระบวนการดังกล่าว พิจารณาแล้วมีมูลความจริงมหาวิทยาลัยพิษณุโลกจึงได้ดำเนินการลงโทษตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยพิษณุโลก ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2566 เป็นความผิดวินัยร้ายแรง ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ กรณีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงให้ลงโทษบอกเลิกสัญญาจ้าง และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

--------------------------------

ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง โพสต์เฟซบุ๊ก ขอโทษทุกฝ่าย หากผิดพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอโอกาสกลับมาทำงานช่วยเหลือสังคมอีก

เมื่อวานนี้ (4 ก.ค.67) เวลาประมาณ 22.42 น. ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความว่า

“ก่อนอื่นเลย อ้อต้องกล่าวคำว่า “ขอโทษ” ประชาชนผู้ติดตามทุกท่าน สื่อสังคม มูลนิธิเป็นหนึ่งและสมาชิกทุกท่าน และบุคคลใดที่ได้รับผลกระทบ , Fc ของอ้อทุกคน  กับข่าวที่ออกไป ณ ขณะนี้

ในส่วนนี้ใครที่คิดว่าอ้อทำผิด ก็สามารถไปดำเนินการตามกฏหมายได้ อ้อพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และหลังจากนี้อ้อขอโอกาสกลับมาทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือสังคม เด็ก สตรี  ศาสนา ฯ และจะไม่ทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก จะปรับปรุงในสิ่งที่ผิดพลาดและเดินหน้าแก้ไขในจุดที่บกพร่องของตัวอ้อเอง

ขอเดินหน้าทำงานต่อค่ะ กราบขอโทษจากหัวใจค่ะ

#ต้นอ้อเป็นหนึ่ง”


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/n6pNfAKluqs

คุณอาจสนใจ

Related News