สังคม

“ทนายตั้ม” เชื่อถูกแช่แข็งสำนวนสอบ “บิ๊กต่อ” ร่ำรวยผิดปกติ ชี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

โดย kanyapak_w

28 มิ.ย. 2567

222 views

“ทนายตั้ม” เชื่อถูกแช่แข็งสำนวนสอบ “บิ๊กต่อ” ร่ำรวยผิดปกติ ชี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ขู่ร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรมร้ายแรงนายกฯ เหน็บ “วิษณุ” แถลงไม่เคลียร์ 3-4 เดือนสอบ บอกแค่คนทะเลาะกัน ผลตรวจสอบความจริงไม่คืบ เผยมีการ “หักดีล” คืนตำแหน่ง “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมระบุกระแสข่าว “บิ๊กต่าย” นั่งปลัด มท. เป็นไปได้ยาก ส่วน “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” คาดไปไกลกว่าตำแหน่งปลัด มท.



28 มิ.ย. 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เปิดเผยถึงการยื่นหนังสือให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ตรวจสอบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ปกปิดทรัพย์สินไม่ยื่นครอบครองบ้านพักที่ประเทศอังกฤษ ว่าขณะนี้ไม่มีความคืบหน้า อย่างที่เคยบอกว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีลูกน้องกล้าตรวจสอบคนระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงคิดว่าสำนวนน่าจะถูกแช่งแข็ง โดยตนยื่นเป็นเพียงสัญลักษณ์ให้นายกรัฐมนตรีเห็นว่าตัวเองกำลังทำอะไร



ทั้งนี้ได้เรียกร้องมาอย่างต่อเนื่องให้เปิดเผยผลการตรวจของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่จนขณะนี้ยังไม่มีใครออกมาเปิดเผย เพราะหากตรวจสอบแล้ว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ น่าจะมีส่วนพัวพัน และปรากฏว่า นายกฯ ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายกฯ อาจจะมีความผิดในเรื่องจริยธรรมร้ายแรงได้ อย่างไรก็ตามหากมีผลการตรวจสอบออกมา และนายกฯ มีความผิด ตนก็จะไปร้อง ป.ป.ช. ต่อไป



นายษิทรา ระบุว่าขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดจะยื่นให้กรรมาธิการ ในสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบ เพราะต้องรอให้เรื่องนี้เปิดเผย พร้อมมองว่าการออกมาแถลงของนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เรื่องการคืนตำแหน่งนั้น ไม่ได้ระบุว่าใครถูกผิด แค่แถลงว่ามีการทะเลาะกัน ซึ่งยังไม่ชัดเจน เพราะสิ่งที่ประชาชนอยากรู้คือใครฟอกเงิน ใครรับผลประโยชน์จากเว็บพนันออนไลน์หรือไม่ และยิ่งเป็นข้าราชการตำรวจระดับสูง ผบ.ตร. หรือรอง ผบ.ตร.เกี่ยวข้อง เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องรู้และนายกฯ



ต้องพิจารณาว่าสมควรให้กลับมาปฏิบัติงานหรือไม่ อีกทั้งการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด จะต้องตรวจสอบว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงโยงและข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ใช่แค่ตรวจสอบเฉพาะข้อเท็จจริงเรื่องการทะเลาะกัน เพื่อเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบ เพราะรอมานานกว่า 3-4 เดือน ซึ่งเรื่องการทะเลาะกันใครๆ ก็รู้ แม่ค้าในตลาดก็รู้



ส่วนกรณีมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ออกมาเห็นชอบกับคำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการ ชอบด้วยกฎหมาย นายษิทรา มองว่า 2 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ทั้งสำนักงานกฤษฎีกา และก.ตร. มีความเห็นไม่ตรงกัน จึงมองเป็นความลักลั่น การเมืองไทยมี 2 มาตรฐาน กฎหมายเป็นตัวบทเดียวกัน แต่กลับแปลความไม่เหมือนกัน จึงมองว่าแบบนี้แปลว่าใครเป็นพวกใครมากกว่า



นายษิทยา ยังมองกรณีที่นายกฯ ระบุว่า มติก.ตร.ยังไม่สิ้นสุด ยังต้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) รออีก 30 วันนั้นเป็นการดึงเวลาออกไป แทนที่จะคืนความเป็นธรรมให้พล.ต.อ.สุรเชษ์ ได้เร็ว กลับต้องรอ ก.พ.ค.ตร. ซึ่งไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด โดยรับได้หากผลออกมาภายใน 30 วัน แต่หากขยายเวลาออกไปเรื่อยๆ ก็ดึงเวลาและดูจากมติ ก.ตร.แล้วน่าจะเกิดการหักดีลกัน ไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้



ส่วนมีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์จะลาออกเพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น นายษิทรา กล่าวว่าก่อนจะลาออก ก็ต้องคืนตำแหน่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก่อน หากเป็นไปตามดีล โดยเรื่องดีล ข้าราชการตำรวจน่าจะทราบว่ามีการพูดคุยอะไรกันบ้าง ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะไม่ได้ร่วมดีลด้วย แต่ก็ยังแฉอยู่ และหากมีการหักดีล แสดงว่ามีคนโดนหลอก



นายษิทรา ยังมองกระแสข่าวโยกพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. หรือ “บิ๊กต่าย” ไปนั่งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าไม่สำเร็จ เพราะพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ไม่โอเคก็จบ ส่วนหากจะย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็ต้องเป็นตำแหน่งที่สูงกว่าตำแหน่งมหาดไทย คนดีๆ ก็ต้องทำงานดีๆ



“เรื่องนี้ประเทศชาติเสียหมด เพราะมีการดีลตกลงผลประโยชน์กันให้ลงตัว ส่วนเรื่องกฎหมายจะเป็นอย่างไร ความยุติธรรมจะเป็นอย่างไรไม่เคยคิดกันเลย คิดแต่เรื่องสมประโยชน์กันของพวกผู้บริหารระดับสูง หรือพวกที่มีอำนาจ” นายษิทรา กล่าว



แท็กที่เกี่ยวข้อง  ทนายษิทรา ,ทนายตั้ม ,บิ๊กต่อ

คุณอาจสนใจ

Related News