สังคม

‘บิ๊กโจ๊ก’ ร้อง ‘บิ๊กต่าย’ เซ็นคำสั่งให้ออกมิชอบ จี้ ‘บิ๊กต่อ’ เลือกให้ถูกต้อง ย้ำ สตช.พลาดเพราะรีบออกคำสั่ง

โดย JitrarutP

24 มิ.ย. 2567

154 views

“บิ๊กโจ๊ก” เดินหน้ายื่นร้อง “บิ๊กต่าย” เซ็นคำสั่งให้ออกโดยมิชอบ ชี้ “บิ๊กต่อ” พิจารณาเลือกคำสั่งให้ถูกต้อง ย้ำ สตช.พลาดเพราะรีบออกคำสั่ง ลั่นภายในสัปดาห์นี้เตรียมฟ้องหมิ่น ก.ตร.และอดีตตำรวจรวม 2 คน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล บอกว่า การมายื่นหนังสือคำร้องวันนี้ เพื่อให้ทาง ป.ป.ช. สอบสวน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รวมถึงผู้บัญชาการกฎหมาย และผู้บังคับการกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีมีความเห็นเซ็นคำสั่งให้ตัวเองออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งมิชอบด้วยกฏหมาย จึงถือว่ามีความผิดตาม ม.157



พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อธิบายว่า ตามกระบวนการที่จะให้ตัวเองออกจากราชการไว้ก่อน จะต้องผ่านความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนที่มีการแต่งตั้งขึ้นมาโดยมี พล.ต.อ. สราวุธ การพาณิชย์ เป็นประธาน ถึงจะถือว่าคำสั่งเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย การที่มาร้องเรียนในวันนี้เพื่อปกป้องสิทธิที่ถูกริดรอน เพราะมีการบังคับใช้กฎหมายผิด พร้อมฝากเตือนไปถึงคนที่ออกคำสั่งว่าต้องเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

ส่วนที่ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีวันที่19 มิถุนายนให้พิจารณาทบทวนคำสั่งให้ออกจากราชการของตัวเองนั้น ก็เพราะ นายกสวมหมวกสองใบ คือ ผู้บังคับบัญชาตำรวจ และ ประธาน ก.ตร. แต่ถ้าหลังจากนี้ยังละเลยเพิกเฉยก็จะใช้สิทธิ์ฟ้อง ม. 157 เหมือนกันพร้อมย้ำว่าไม่ใช่การขู่ แต่เป็นการป้องกันสิทธิ์ และอดีตก็เคยฟ้องอดีตนายกรัฐมนตรีมาแล้วช่วงที่เคยถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2ปี

พรุ่งนี้ตัวเองจะไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สั่งให้ดำเนินการ พิจารณาเลือกคำสั่งให้ถูกต้อง

นอกจากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับกูรูทางกฎหมายที่ชอบให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างน้อยสองคน คนนึงเป็นอดีตตำรวจ และ อีกคนคือหนึ่งในกรรมการ ก.ตร. ซึ่งเคยร้องห่มร้องไห้เพราะไม่ได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร. โดยขณะนั้นตัวเองดำรงตำแหน่งเป็น พล.ต.ต.

เมื่อสอบถามว่าการเซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเป็นไปได้หรือไม่ว่าเกิดจากการผิดพลาดเข้าใจผิดในเรื่องเนื้อหาของกฎหมาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า พลาดเพราะรีบ และให้ย้อนไปดูว่าใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้บ้าง ซึ่งกรณีนี้แหละคือสาเหตุที่ทำให้ตัวเองยืนขอให้ ป.ป.ช.สอบคนออกคำสั่งนี้ โดยขณะนี้เชื่อว่าทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทราบแล้วหลังจากที่ นายวิษณุ เครืองาม ออกมาแถลงข่าวว่าผลของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นอย่างไร ถ้ายังคงเพิกเฉยละเลย ไม่แก้ไข ตัวเองก็จะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรม และเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง จะไม่ทราบว่าไม่รู้ระเบียบไม่ได้เพราะเรื่องนี้ถือว่ากระทบสิทธิ์ของตัวเอง



ส่วนของคดีอาญาทั้งตัวเอง และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ตอนนี้สำนวนถูกส่งมาให้ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาไต่สวนโดยไม่ขอก้าวล่วงในรายละเอียด ตามหลักตัวเองถือว่าบริสุทธิ์ แต่ที่ผ่านมาก็มีการนำรายละเอียดของสำนวนมาเปิดเผยอย่างเช่นที่ตัวเองฟ้องร้อง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเรื่องคดี ส่วนตัวเองจะมีความผิดจริงหรือไม่ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

ส่วนการเดินสายร้องเรียนพี่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ทำงานคู่ขนานกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือไม่ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องตอนนี้ไม่ได้พูดคุยกัน เป็นเพียงการเดินหน้าใช้สิทธิ์เรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองเท่านั้น

ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ตอนนี้ประเทศไทยถูกโจมตีว่าเป็นฮับของการก่อการร้าย เพราะฉะนั้นตอนนี้จึงอยากกลับมาทำงานแล้ว อยากทำให้ประเทศไทยดีขึ้น ชาวบ้านเดือดร้อนเยอะ ทั้งเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จีนเทา หนี้นอกระบบ รวมถึงปัญหายาเสพติดที่กำลังระบาดหนัก ย้ำที่อยากกลับไปเพราะอยากทำงานเท่านั้นเอง พร้อมบอกว่า “ถ้าตำรวจดี ประเทศดีแน่”

เมื่อถามว่า ตอนนี้พร้อมกลับมาทำงานเต็มร้อยแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบว่า พร้อมทำงานอยู่แล้ว เพราะตอนนี้เวลาว่างก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากออกกำลังกาย และอ่านหนังสือ ตอนนี้เหมือนชาร์จแบตไปในตัว

เมื่อถามมองอย่างไรที่ความเห็นของกฤษฎีกาสวนทางกับคณะอนุกรรมการวินัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้อนถามว่า สื่อควรเชื่อใครมากกว่ากัน ระหว่างอนุกรรมการวินัยฯ หรือกฤษฎีกา อย่าลืมว่ากฤษฎีกาเป็นมือกฎหมายของรัฐบาล ขนาด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังต้องขอความเห็นกฤษฎีกาเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

คุณอาจสนใจ

Related News